writer : wakkks , rainstill , AatbWoo , Yochan , PaiPOPcoRn , Peachyhachi
tag : #เดอะรูมเมท
—————————————————————
หลังจากที่ชายหนุ่มทั้ง 6 คนเดินทางกลับมาจากเกาะปันหยีเรียบร้อยแล้วรถตู้ที่นิชคุณเช่ามาก็พาพวกเขาไปทำบุญตามที่เจ้าชายไทยได้สัญญาเอาไว้กับเจ้าของโฮมสเตย์แห่งนั้นพอได้เข้าวัดทำบุญทุกคนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
ระหว่างทางนั่งรถไปภูเก็ตดูเหมือนว่าทุกคนจะหลับกันหมดยกเว้นคู่น้องเล็กอย่างชานซองและจุนโฮที่นั่งคู่กันอยู่เบาะหลังทั้งคู่ยังไม่ได้มองหน้ากันเลยตั้งแต่ออกจากโฮมสเตย์มา
ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าเรียวของคนข้างกายบรรยากาศดูน่าอึดอัดขึ้นมาทันทีความคิดในหัวสมองตีกันให้ยุ่งไปหมดไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดีเงียบแบบนี้มันเหมือนกับเขาทำอะไรผิดอย่างนั้นแหละ
“จุนโฮ” เสียงทุ้มเรียกชื่อคนตัวเล็กกว่าเบาๆด้วยความที่บนรถเงียบสงบทำให้จุนโฮสะดุ้งก่อนจะหันกลับมามองคนข้างกายเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“นายเป็นอะไรรึเปล่าทำไมถึงทำท่าเหมือนโกรธฉัน” ร่างสูงจ้องคนตรงหน้าเขม็งดวงตาเรียวกรอกไปมาซ้ายขวาไม่กล้าสบกับดวงตาคมตรงๆจะให้มองได้ยังไงเล่าก็ประโยคนั้นที่เขาพูดไป.. ที่บอกว่าจะยอมทุกอย่างนั่นน่ะ.. โอ้ยไม่น่าเลย..
ชานซองทำตาโตเมื่อเห็นว่าจู่ๆใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อจุนโฮเป็นอะไรทำไมอยู่ๆก็มาหน้าแดงใส่เขาแบบนี้ไม่รู้เหรอว่ามัน.. น่ารักชิบหาย!!
ใช้เวลาทบทวนความทรงจำไม่นานริมฝีปากหยักก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร่างสูงขยับเข้าหาคนตัวเล็กกว่าที่ขยับหนีจนติดกับหน้าต่างรถ
“นายเขินเรื่องนั้นเหรอ” เสียงทุ้มกระซิบถามจุนโฮเม้มริมฝีปากแน่นมือเรียวยกขึ้นดันแผ่นอกกว้างเอาไว้เพื่อรักษาระยะห่าง
“เขินอะไรเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว” เหมือนลิ้นจะพันกันรู้สึกว่าเขาจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องโอ้ยให้ตายเถอะอย่าเข้ามาใกล้แบบนี้ได้มั้ยเล่า!
“ก็ตอนที่นายปลุกฉันไงที่นายบอกว่า..”
มืออีกข้างที่ว่างรีบยกขึ้นมาปิดริมฝีปากหยักที่กำลังเผยอพูดดวงตาเรียวถลึงใส่พวงแก้มใสขึ้นสีระเรื่อน่ามองลามไปถึงใบหูเล็กที่แดงแปร๊ดชานซองหัวเราะหึหึในลำคอมือหนาเลื่อนขึ้นจับข้อมือเล็กที่ปิดปากเขาอยู่ให้ปล่อยออก
ใบหน้าคมค่อยๆลดระยะห่างลงมาจมูกโด่งของทั้งคู่แตะสัมผัสกันเบาๆหัวใจดวงน้อยของจุนโฮแทบจะทะลุออกมานอกอกถึงจะเคยแอบจุ๊บแล้วก็เถอะแต่ตอนนั้นไอ้หมีอ้วนนี่หลับนี่นาแล้ว.. แล้วตอนนี้..
ลมหายใจร้อนเป่ารดบนริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นเล็กน้อยริมฝีปากหยักแตะสัมผัสเบาๆสัมผัสนุ่มทำให้จุนโฮเผลอกลั้นหายใจชานซองผละออกเล็กน้อยดวงตาทั้งสองคู่สบกันก่อนที่จะขยับเข้าหากันอีกครั้ง..
“วิ่ง!!!”
เสียงของแทคยอนทำให้ทั้งคู่กระเด้งออกจากกันทันทีชานซองถอยร่นไปจนติดกับหน้าต่างอีกฝั่งจุนโฮนั่งตัวตรงแข็งทื่อลมหายใจหอบถี่ด้วยความตกใจ
ทั้งคู่นั่งเงียบเพราะคิดว่าแทคยอนคงจะตื่นขึ้นมาแล้วแต่กลับมีเสียงกรนเบาๆดังมาจากที่นั่งข้างหน้าชานซองขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆชะโงกหน้าไปมอง
อ๊คแทคยอนผู้ยังมีผ้าปิดตาคาดอยู่ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยท่าทางเหมือนคนกำลังหลับลึก..
“ละเมอเรอะ!!” ชานซองโวยวายเสียงดังจนนิชคุณที่นั่งอยู่แถวหน้าหันมามองด้วยความงุนงง
“วิ่ง!!!” เป็นอีกครั้งที่ทุกคนสะดุ้งเพราะเสียงของแทคยอนมินจุนที่นั่งอยู่ข้างๆทนไม่ไหวโบกศีรษะคนตัวสูงจนหัวทิ่มเกือบตกลงจากเบาะ
“ละเมอบ่หนิ!? ตื่นได้แล้วไอแมวขี้เซาละเมอจนเขาตกใจกันหมดวิ่งอะไรล่ะหนีซอมบี้รึไงยังยังไม่ตื่นอีก” ว่าแล้วก็ซัดผัวะเข้าที่ไหล่หนาแทคยอนสะดุ้งพร้อมกับปลดผ้าคาดตาออกหรี่ตามองทุกคนด้วยความงุนงง
อูยองที่นั่งอยู่เบาะหน้าหันกลับมามองพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“ฮยองฝันว่าอะไรวิ่งหนีผีเหรอ”
แทคยอนทำตาโตก่อนจะตอบว่า
“รู้ได้ไงวะนี่กำลังวิ่งเลยแล้วฮยองมาปลุกผมทำไมเนี่ย”
แทคยอนมองคนข้างกายด้วยความไม่เข้าใจปลุกอ๊คทำไมอ๊คกำลังฝันสนุกๆเลยอ๊คไม่เข้าจายยยยยยยยยยยยยย
.
.
.
.
“แบ่งห้องเป็นคู่ๆแล้วกันห้องละ 2 คนตามที่แบ่งไว้ตอนนั้นฉันกับแทคอูยองกับคุณแล้วก็ชานซองจุนโฮโอเคตามนี้ขึ้นไปเก็บของแล้วเดี๋ยวลงมาเจอกันที่ล็อบบี้”
มินจุนพูดรัวๆโดยไม่ยอมให้ใครปฏิเสธคว้ากระเป๋าเดินดุ่มๆขึ้นลิฟท์ทันทีโรงแรมนี้ดูน่าไว้วางใจกว่าโฮมสเตย์นั่นเป็นไหนๆหวังว่าคืนนี้คงไม่มีผีหรอกนะ
15นาทีต่อมา…
เมื่อนำสัมภาระไปเก็บเรียบร้อยแล้วทั้งหกคนก็ลงมาที่ล็อบบี้อีกครั้งอากาศวันนี้แจ่มใส่มากแสงแดดสะท้อนกับพื้นผิวทะเลจนเปล่งประกาย
“ไปชายหาดกัน” มินจุนเอ่ยกับน้องๆก่อนจะลากแขนอูยองเดินไปที่ชายหาดด้วยกันฝ่ายแทคยอนก็ทำได้เพียงมองตามมินจุนตาละห้อยจนนิชคุณสังเกตได้เมื่อคู่น้องเล็กเดินออกไปจากล็อบบี้แล้วนิชคุณก็ได้ฤกษ์เปิดปากพูดเสียที
“ชอบมินจุนฮยองเหรอ?” เอ่ยถามออกไปตรงๆ
“อือ” นิชคุณตกใจกับคำตอบของแทคยอนอ้อมค้อมหน่อยก็ได้มั้งตอบตรงๆแบบนี้คนฟังหัวใจจะวายแต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาได้เห็นสีหน้าเหมือนหมาหิวข้าวของเพื่อนรักก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเฮ้อออต้องให้ถึงมือนิชคุณจนได้สินะ
“จะบอกอะไรให้นะถ้าอยากให้ฮยองเขาแสดงความรู้สึกอะไรออกมาบ้างนายต้องจี้จุดเขา“
“จี้จุด? แบบจี้เอวงี้เหรอ” นิชคุณอยากจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองแรงๆไอ้แรปเปอร์ฟันยื่นนี่มันสอบโทอิคได้เต็มจริงป่ะว่ะเนี่ยทำไมมันถึงได้ซื่อทูเดอะบื้อแบบนี้
“ไม่ช่ายยคืองี้….” นิชคุณยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับแทคยอนเมื่อแทคยอนได้ยินสิ่งที่นิชคุณกระซิบก็ถึงกับยิ้มกว้างอ่อ….ต้องอย่างนี้นี่เอง
“ป่ะไปชายหาดกันเถอะ” นิชคุณลากแขนแทคยอนเดินออกมาที่ชายหาดอูยองกับมินจุนกำลังก่อปราสาททรายชานซองกับจุนโฮกำลังเล่นน้ำทะเลนิชคุณสะกิดแทคยอนให้มองไปยังเป้าหมายที่นอนอาบแดดอยู่ไม่ไกลจากมินจุนสาวฝรั่งผมทองอยู่ในชุดบิกินี่สีแดงหุ่นน่าเซี๊ยะกำลังนอนอาบแดดอยู่
“แม่จ้าวววนี่นางแบบวิคตอเรียซีเครตป่ะว่ะเนี่ย” แทคยอนเอ่ยพลางอ้าปากค้างอ๊คจะเป็นลมอ๊คอยากกรีดร้องฮอลลลล
“นี่ๆอย่าลืมแผนของเราสิเข้าไปคุยกับเขาล่ะกันที่เหลือฉันจัดการเอง” แทคยอนพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินแยกไปอีกทางนิชคุณเดินเข้าไปหาอูยองกับมินจุนที่กำลังก่อปราสาททรายกันอยู่ร่างสูงเดินเข้าไปนั่งข้างๆอูยอง
“ทำอะไรอยู่หืม?” เอ่ยถามคนข้างกายคนตัวเล็กกว่าหันมายิ้มให้จนแก้มแทบปริ
“ผมกำลังสร้างปราสาทซินเดอเรลล่าส่วนมินจุนฮยองกำลังสร้างหอคอยราพันเซล” นิชคุณหันไปมองหน้ามินจุนไม่น่าเชื่อว่าคนแบบมินจุนจะสร้างหอคอยราพันเซลถ้าเป็นป้อมปืนอะไรเทือกนี้จะดูเข้ากับหน้ามากกว่า
“น้อยๆหน่อยบักหล้าบังคับให้ฮยองสร้างเองนะฮยองจะสร้างรถถังให้ซินเดอเรลล่าขับก็ไม่เอา” นิชคุณหลุดหัวเราะออกมาซินเดอเรลล่าประเทศไหนขับรถถังวะนั้นเมื่อจบบทสนทนานิชคุณจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบเพื่อจะดูว่าแทคยอนเข้าไปคุยกับฝรั่งคนนั้นหรือยัง
“อูยองอ่าทำไรกันอ่ะ“ชานซองกับจุนโฮที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำทะเลเดินเข้ามาถามอูยอง
“กำลังสร้างปราสาททรายน่ะพอดีเลยจุนโฮกำลังขาดคนพอดีมาสร้างปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่าเร็วๆซินเดอเรลล่าจะได้มีเพื่อนบ้าน” อูยองเอ่ยตอบอย่างร่าเริงจุนโฮจึงต้องนั่งสร้างปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่าอย่างเสียมิได้โดยมีชานซองเป็นลูกมือฝ่ายนิชคุณที่นิ่งเงียบไปนานเมื่อเห็นว่าแทคยอนกำลังคุยกับฝรั่งคนนั้นอย่างออกรสชาติก็ได้เวลาชี้เป้าแล้ว
“โหไอ้แทคนี่ยังไงเผลอแปปเดียวเข้าหาสาวแล้ว” อีกสี่คนที่เหลือจึงหันไปมองแทคยอนทันทีเมื่อนิชคุณพูดอย่างนั่นแต่นิชคุณกลับจ้องมองอากับกิริยาของมินจุนทุกอย่าง
“ไอ้นี่….” มินจุนเอ่ยออกมาเบาๆเขวี้ยงปราสาทซินเดอเรลล่าใส่หัวมันได้ม่ะอะไรว่ะเมื่อคืนยังมาทำให้คนอื่นเขาหวั่นไหวอยู่เลยพอมาวันนี้ไปจีบสาวแล้วเหรอบักเฒ่าหัวงูหึยยยยยยทำไมเป็นคนแบบนี้วะ
“ชานซอง….ฉันว่ามินจุนฮยองจ้องแทคยอนฮยองจนจะพรุนแล้วนะ” จุนโฮหันไปกระซิบชานซองเมื่อเห็นสายตาของพี่ชายคนโตจดจ้องไปที่แรปเปอร์ของวงถ้าปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาจากตาได้แทคยอนฮยองคงแยกออกเป็นสองซีกแล้วล่ะ
“ฉันก็ว่างั้นทะเลแถวนี้เริ่มจะเดือดปุดๆแล้วล่ะฉันว่า…เราไปหาเครื่องดื่มเย็นๆกินดีกว่าถือว่าหนีจากสงครามด้วยคิดว่าไง?”
“อืมก็ดีนะ” เมื่อพูดจบชานซองกับจุนโฮก็พากันเดินออกไปเพื่อไปหาซื้อเครื่องดื่มเย็นๆมาดื่มเพราะบรรยากาศแถวนี้เริ่มไม่ค่อยโอเคแล้วล่ะแผ่นดินกำลังจะลุกเป็นไฟกลับมาที่มินจุนดวงตารีจ้องมองแทคยอนไม่วางตาในใจก็ก่นด่าอีกคนมากมายเขายกมือขึ้นมาช้าๆก่อนทุบลงไปที่กองทรายเต็มแรง
“อ๋าาาาาาาาหอคอยราพันเซล” อูยองแทบจะร้องไห้โฮออกมาเมื่อมินจุนทุบปราสาทราพันเซลจนราบเป็นหน้ากอง
“ไม่เป็นไรอูยองเดี๋ยวฮยองจะรีโนเวตปราสาทให้ใหม่นะแต่ก่อนหน้านั้นดูมินจุนฮยองสิ” นิชคุณพยักเพยิดให้อูยองดูอาการของมินจุนใบหน้าหวานแสดงอาการฉุนเฉียวออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อแทคยอนกับสาวผมทองคนนั้นคุยไปหัวเราะไปจนกระทั่งความอดทนของมินจุนขาดผึง
ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหักนิ้วทั้งสิบนิ้วจนนิชคุณกับอูยองได้ยินเสียงดังกรอบแกรบก่อนที่จะเดินเข้าไปหาแทคยอนกับสาวผมทองคนนั้นนิชคุณมองไปทางแทคยอนด้วยความเป็นห่วงโชคดีที่เขาพกมือถือมาด้วยเพราะเกิดมินจุนฮยองทำร้ายร่างกายแทคยอนแล้วล่ะก็จะได้โทรตามรถพยาบาลได้ทัน
“อ่าวมินจุนฮยองไปไหนอ่ะทำปราสาทเค้าพังมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้เลย” อูยองตะโกนเรียกหากแต่มินจุนก็ไม่ได้สนใจดวงตาของเขาจดจ้องแต่แทคยอนที่เอามือไปโอบบ่าสาวผมทองคนนั้นมันน่าตัดมือทิ้งแล้วโยนให้ฉลามกินจริงๆเลยแล้วนั่นไปยิ้มให้เขาทำไม
ไอ้นี่หนิ…..มันน่านักเชียวมินจุนค่อยเดินเข้าไปหาสองคนนั้นช้าจนเมื่อมินจุนเดินไปหยุดยืนข้างแทคยอนใบหน้าคมก็ค่อยเงยหน้ามองผู้มาใหม่ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างร่าเริง
“มินจุนฮยองมาคุยกับสเตซี่ด้วยกันสิเธอมาจากอเมริกาเลยนะ” มินจุนพยายามรวบรวมสติไม่เอื้อมมือไปกระชากแทคยอนออกจากสเตซี่นับหนึ่งถึงสิบไปก่อนนะคิมจุนเคนะอย่าตบมันห้ามตบมันอย่าทำร้ายมันตบคนมันบาปนะอย่าเลย ….
“มาๆนั่งลงก่อนฮยอง” มือหนาตบลงตรงข้างตัวหมายให้มินจุนนั่งลงหนอยยยยยยไอ้เหยินนี่มันท้าทายอำนาจมืดชัดๆมานั่งป้อสาวแถมยังมาชวนให้นั่งฟังพวกมันหัวร่อต่อกระซิกกันอีกใครทนได้ก็เป็นแม่ชีเทเรซ่าแล้วว้อยจุนทูดาเคจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วมันต้องเคลียร์เรื่องนี้มันต้องเคลียร์ย๊ากกกกกกกกกกกก
“อ๊คแทคยอนคุยกันหน่อยได้ไหม“
“หืม? นั่งสิฮยองจะได้คุยกันไง” แทคยอนเงยหน้าขึ้นไปพูดกับมินจุนด้วยแววตาใสซื่อพร้อมกับมือที่ยังตบที่นั่งข้างตัวท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้พี่ใหญ่รู้สึกฉุนหนักกว่าเก่า
เอ็งเล่นแบบนี้ใช่ไหมบักแทคได้ได้…
“โอ้ยยยยยฮย๊องงงง!!” เสียงทุ้มคำรามลั่นไปทั่วหาดสเตซี่สาวฝรั่งที่นอนอาบแดดคุยเล่นกับแทคยอนเมื่อครู่สะดุ้งตัวโหยงด้วยความตกใจ
มินจุนบิดหูร่างสูงด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะดึงให้แทคยอนเดินตามเขาออกไปอีกทางเสียงร้องโหยหวรยังคงดังลั่นจนคนแถวนั่นหันมามองแต่คิมมินจุนหาได้สนใจไม่
นิชคุณที่นั่งก่อปราสาททรายกับอูยองเงยหน้าขึ้นมองไปต้นเสียงเห็นพี่ใหญ่กำลังดึงหูแทคยอนเดินออกไปอีกทางใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วงแทคยอนที่ถูกดึงออกไปแบบนั้นแต่อีกใจก็รู้สึกดีใจที่แผนที่เขาคิดไว้สำเร็จ
ริมฝีปากอิ่มแดงคลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นเป้าหมายทั้งสองเดินหายออกไปอีกทาง
“นั่นมินจุนฮยองกับแทคฮยองจะไปไหนกันหูยยยยเห็นแล้วเจ็บแทนแทคฮยองเลยแฮะ” เสียงเล็กๆของคนที่นั่งก่อปราสาททรายอยู่ข้างๆดังขึ้นเรียกให้ดวงตากลมโตหันไปมอง
“เรื่องของผู้ใหญ่เขาเด็กไม่เกี่ยว” นิชคุณพูดกลั้วหัวเราะแล้วตบทรายตรงฐานหอคอยราพันเซลที่ตัวเองก่อให้อูยองใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง
“โหยยยยอะไรกันฮยองผมโตแล้วนะ!!” อูยองโวยวายขึ้นมาเสียงดังริมฝีปากบางโค้งขึ้นอย่างงอนๆ
อายุเขาจะปาไปยี่สิบปลายๆแล้วนะ! ทำไมคุณฮยองต้องมาหาว่าเขาเด็กด้วย!
“คิกๆโตแล้วจริงอ่ะไหนพิสูจน์ให้ฮยองดูหน่อยสิ” นิชคุณพูดด้วยรอยยิ้มดวงตากลมโตเป็นประกายมองใบหน้าน่ารักของอูยองที่เริ่มเบะพร้อมจะอังอังออกมาซะอย่างนั้น
แล้วผู้ใหญ่ที่ไหนเขามานั่งก่อปราสาททรายเจ้าหญิงดิสนีย์กันล่ะ
“พิสูจน์ยังไงเล่า! ฮยองบอกมาดิผมจะพิสูจน์ให้ดูเลย!”
นิชคุณยิ้มมองใบหน้าเนียนของคนตรงหน้าที่หน้าผากมนเริ่มเกาะพราวไปด้วยหยาดเหงื่อไรผมเปียกชื้นลู่แนบกรอบหน้าเห็นดังนั้นก็ละมือจากกองทรายตรงหน้าล้วงมือเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงยกขึ้นซับหน้าให้อูยองเบาๆโดยไม่ได้สนใจประโยคของคนแก้มป่องเมื่อครู่
อูยองผงะเล็กน้อยที่จู่ๆนิชคุณก็หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาซับหน้าให้แก้มใสสองข้างเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อด้วยความเขินอายหรือเพราะบรรยากาศรอบตัวที่เริ่มร้อนขึ้นก็มิอาจรู้ดวงตากลมโตที่จ้องสบสายตากับเขาทำให้อูยองรีบหลุบตามองต่ำหัวใจเต้นแรงไม่เป็นสำ
“อากาศเริ่มร้อนแล้วจะเข้าไปนั่งพักก่อนมั้ยหน้าแดงเชียว” นิชคุณเชยคางมนขึ้นให้ดวงตาเรียวเล็กขึ้นมาสบตาเขาแก้มป่องๆสองข้างขึ้นสีแลดูน่ารักน่าเอ็นดู
“อะ…เอ่อ…ยังดีกว่าครับเพิ่งจะออกมาเอง” อูยองก้มหน้าลงงุดๆมือไม้กำทรายเล่นไม่กล้าสบตากับคนเป็นพี่นึกในใจอยากจะให้ชานซองกับจุนโฮที่ออกไปหาซื้อเครื่องดื่มกลับมาไวๆ
ทำไมถึงรู้สึกใจเต้นแรงจังเลยคุณฮยองทำอะไรกับเขารึเปล่าเนี่ย
.
.
.
ทางด้านจุนโฮกับชานซอง
ทั้งคู่กำลังเดินหาของกินตามร้านแผงลอยที่ตั้งขายบนฟุตบาตรหน้าตาของอาหารที่รู้จักและไม่รู้จักทำให้ทั้งสองตื่นตาตื่นใจมิใช่น้อย
ชานซองพาจุนโฮเดินไปดูร้านนู้นร้านนี้เป็นว่าเล่นแต่สุดท้ายก็พามาหยุดอยู่ที่ร้านปลาหมึกย่างร้านหนึ่ง
“น่ากินจังเลย” เสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆดวงตาคมโตเป็นประกายเมื่อมองปลาหมึกสีเหลืองที่ถูกเสียบไม้ไว้แล้ววางเรียงรายอยู่บนตะแกรงหยิบไม้นู้นไม้นี้แยกออกมาด้วยความรวดเร็วโดยไม่ได้ฟังเสียงร้องห้ามของคนตัวเล็กข้างกายเลยแม้แต่น้อย
“ย่าห์ๆชานซองหยิบออกมาแบบนี้ไม่เหมาให้หมดเลยเล่า!” เสียงหวานติดจะหงุดหงิดดังออกมาจากริมฝีปากอิ่มมือเรียวหยิบไม้ปลาหมึกที่ชานซองหยิบออกมากองรวมๆกันในปริมาณมากหยิบกลับไปไว้ที่เดิมให้เหลือไว้แค่พอประมาณ
“โห่จุนโฮอาซื้อไปฝากพี่ๆด้วยไงแค่นี้กินกันไม่อิ่มหรอก” ชานซองครวญเมื่อเห็นจำนวนไม้ปลาหมึกที่จุนโฮเหลือไว้มีแค่ยี่สิบกว่าไม้แบบนี้เขากินคนเดียวก็หมดแล้ว
“น้อยๆหน่อยเดี๋ยวตอนเที่ยงเราก็ไปกินอาหารทะเลไงเหลือท้องไว้บ้างสิ” ใบหน้าหวานมุ่ยสนิทหันไปมองป้าแม่ค้าขายปลาหมึกที่มองหน้าเขาสองคนนิ่งสายตางุนงงฉายชัดออกมาจากดวงตาสองข้างนั่นทำให้จุนโฮเพิ่งฉุกคิดขึ้นได้ว่า
พูดภาษาไทยไม่เป็นนี่หว่า…
ใบหน้าหวานฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วชี้นิ้วไปที่กองปลาหมึกยี่สิบกว่าไม้ที่แยกออกมาให้ป้าแม่ค้าเป็นเชิงบอกว่าเอาทั้งหมดนี่
“โอเคๆ” แม่ค้ารุ่นป้าเลิกลั่กพูดตอบพลางยกนิ้วขึ้นมาทำท่าโอเคแล้วพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงว่าเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาเส้นขีดสื่อออกมา
“เดี๋ยวเราค่อยกลับมาเอาแล้วกันไปดูของอย่างอื่นกันก่อนเถอะ… เอ่อ…ป้าครับเดี๋ยวผมกลับมาเอานะ” จุนโฮหันไปสะกิดชานซองก่อนจะหันกลับไปพูดกับป้าแม่ค้าขายปลาหมึกในประโยคหลัง
ป้าแกหันมามองงงๆแต่ก็ตอบว่าโอเคๆแล้วยกนิ้วทำท่าให้จุนโฮกับชานซองเลยพยักหน้าให้ยิ้มๆแล้วปลีกตัวเดินออกมาไปดูของร้านอื่น
ผู้คนที่เดินบนทางเท้านี้เยอะมากบ้างก็หันมามองพวกเขาอย่างสนอกสนใจบ้างก็ยกกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายแต่ก็ยังไม่มีคนไหนเดินเข้ามาหาตรงๆนึกโชคดีที่อาจจะไม่มีใครจำพวกเขาได้
แต่แล้วจู่ๆก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตัวพอๆกับจุนโฮปรี่เข้ามาหาเขาทั้งสองจากทิศทางไหนก็มิอาจทราบพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ทำเอาจุนโฮกับชานซองสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ
“กรี๊ดดดดด!!! ใช่จริงๆด้วยกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดอปป้าาาา!!!” เสียงร้องแหลมปรี๊ดดังลั่นไปทั่วจนคนผ่านไปผ่านมาหันมามองด้วยสงสัย
จุนโฮผงะถอยห่างส่งยิ้มเจื่อนๆกลับไปให้เด็กคนนั้นชานซองที่ยืนอยู่ข้างๆก็อ้าปากหวอมองด้วยความตกใจกับพลังเสียงอันมหาศาล
“จุนโฮอปป้า!! กรี๊ดดดดดดดดดชานนูนอกรี๊ดดดดดๆๆๆ”
ดูท่าทางสติสตรังของเด็กผู้หญิงคนนี้ชักจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวซะแล้วเมื่อเธอเอาแต่หลับหูหลับตากรีดร้องใส่เขาทั้งสอง
จุนโฮเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อคนรอบๆตัวเขาเริ่มพุ่งสายตามาที่เขากับชานซองเด็กผู้หญิงที่ยืนซุบซิบมองเขาสองคนจากที่ไกลๆก็เริ่มพุ่งตัววิ่งเข้ามาหาเมื่อรู้ว่าเขาทั้งคู่เป็นใคร
ซวยแล้วไง…
“เอ่อ…คนมองเราเต็มไปหมดเลยอ่ะจุนโฮ” ชานซองยืนเหงื่อตกเกาะแขนจุนโฮแน่นหันซ้ายหันขวามองไปรอบตัวก็เห็นผู้คนเริ่มให้ความสนใจเขากันยกใหญ่
“จุนโฮน่ารักจังอ๊ายยยยยชานนูนอๆๆๆ”
“กรี๊ดดดด!! พวกพี่มาภูเก็ตกันทำไมไม่บอกมากันตอนไหนคะ!!”
“อ๊ายยยยชานนูนอมาฮันนีมูนกันที่ภูเก็ตหรอกรี๊ดดดดดดดดดจะตายแล้วคร่าา”
“พี่จุนโฮคะพี่คุณมาด้วยมั้ยคะ”
“พี่ชานซองสูงจังโอ้ยยยยอิเหหห้จะเป็นลมหล่อจังค่ะอ๊ายๆ”
“น้องๆคะอย่าไปรุมจุนโฮกับชานซองสิคะ”
สารพัดประโยคภาษาไทยที่ถูกพ่นออกมาจากปากของผู้หญิงหลายวัยที่รุมเร้าเขาทั้งสองจุนโฮเริ่มรู้สึกถึงภัยอัตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อมือไม้ของเด็กผู้หญิงพวกนั้นเริ่มปัดป่ายจับเขากับชานซองอย่างถือวิสาสะ
“เอาไงดี” ชานซองหันมาขอความเห็นจากจุนโฮที่ยืนฉีกยิ้มให้เหล่าแฟนคลับอยู่ข้างๆ
“เอาไงล่ะมาแบบนี้ก็วิ่งสิครับ!!”
สิ้นเสียงจุนโฮทั้งคู่ก็วิ่งป่าราบออกไปจากตรงนั้นทันทีเหล่าขบวนแฟนคลับต่างก็วิ่งตามแล้วแหกปากเรียกชื่อพวกเขายกใหญ่
เอาจริงๆเขาก็ไม่เชิงวิ่งหรอกแค่เดินเร็วมากๆต่างหากชานซองที่มีขายาวๆเป็นอาวุธคว้าข้อมือบางก้าวฉับๆเข้าซอยนั้นออกซอยนี้จนจุนโฮแถบจะบินได้ไม่ต่างอะไรจากวิ่งเลย..
เห็นทีฉายาชานซองยูเซนโบลต์ในคราวที่เจ้าตัวไปออกรันนิ่งแมนคงจะเป็นเรื่องจริงเมื่อหันมาอีกทีก็ไม่เห็นว่าจะมีใครตามมาแล้ว
“พ้นแล้วหรอ..”
จุนโฮพูดออกมาอย่างหอบๆก้มลงนั่งยองๆกับพื้นใครจะคิดว่าจะเกิดแฟนคลับเป็นโขยงในที่แบบนี้กัน
“คิดว่านะ..เห้ย!!”
และยังไม่ทันจะขาดคำกลุ่มแฟนคลับกลับวิ่งสวนมาอีกด้านราวกับว่าพวกเขาถูกไล่ต้อนให้มาทางนี้ลืมไป.. วิ่งหนีเจ้าถิ่นยังไงก็เป็นรองอยู่ดีสินะ..
ชานซองฉุดให้จุนโฮลุกขึ้นอีกครั้งและคราวนี้ไม่ใช่แค่เดินเร็วแล้วทั้งคู่วิ่งสุดแรงเกิดเสียงกรีดร้องยังคงไล้ตามหลังมาเรื่อยๆ
“กรี๊ดดดดดชานนูนอออออ”
“ชานนูนอพ่อทุกสถาบันนนกรี๊ดดดฮันนีมูนนน”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”
สารพัดถ้อยคำออกมาจากปากหญิงสาวชาวสยามไม่หยุดหย่อนไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งวิ่งทั้งตะโกนชานซองเลี้ยวเข้าไปในตลาดใกล้ๆแทรกตัวเข้าไปตามตรอกแคบๆเหมือนในหนัง
“ชาน! ปล่อยมือ!”
จุนโฮขืนตัวเองไว้ทั้งๆที่กำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้ก็ไม่ปาน
“อะไร! ทำไม!?”
“มันวิ่งลำบากเข้าใจไหม! ฉันจะวิ่งตามนายให้เวลาห้านาทีพาฉันออกจากตรงนี้! เดี๋ยวนี้!!”
เสียงหวานตะโกนแข่งกับเสียงกรี๊ดได้ยินแบบนั้นชานซองจึงยอมปล่อยมือออกไม่ต้องใช้เวลาคิดนานก็รู้ว่าจุนโฮกำลังสั่งให้เขานำไปในที่ที่ไม่มีแฟนคลับภายในห้านาที..
ชานซองอาศัยตาโตๆของตัวเองกวาดไปทั่วเพื่อหาพื้นทีที่พอจะให้เขากำจุนโฮหลบได้ชั่วคราวเพราะถ้าขืนวิ่งอยู่แบบนี้คงได้วิ่งยันเที่ยงคืนแน่ๆ
อู่ซ่อมรถเก่าๆที่ห่างออกไปไม่ไกลนักทำให้ร่างสูงสปีทตัวเล็กขึ้นจุนโฮเองก็สาวเท้าตามมาไม่ห่างชานซองวิ่งอ้อมร้านขายของชำเพื่อเบี่ยงความสนใจจังหวะที่จุนโฮวิ่งตามมามือหนาคว้าเอาเอวอีกคนเข้ามาจนล้มระเนระนาดเข้าไปในร้านพลางฉุดให้ลุกขึ้นวิ่งไปทางประตูหลังด้วยความรวดเร็ว
มือหนากำข้อมือเล็กแน่นอีกครั้งแต่คราวนี้ชานซองทำแค่กระตุกมือให้เดินตามมาช้าๆเพราะแฟนคลับส่วนใหญ่วิ่งเลยร้านขายของชำไป
“นายจะไปไหนเดินไปทางนั้นก็มีแฟนคลับดักอยู่ดี”
“ตรงอู่นั้น..เร็ว..”
อู่ซ่อมรถอยู่ระหว่างทางก่อนจะถึงที่แฟนคลับพากันยืนออเมื่อไม่เห็นไอดอลสุดหล่อคนตัวโตค่อยๆย่องเข้าไปในอู่นั้นช้าๆมีรถตู้เก่าๆจอดอยู่และประตูมันถูกเปิดทิ้งไว้..
“เข้าไปในนั้นก่อน..”
ชานซองดันไหล่เล็กให้เข้าไปก่อนแล้วถึงเดินตามขึ้นไปพลางกดหัวทุยให้ก้มลงเล็กน้อย
แฟนคลับยืนอยู่เพียบเลย..
“ต้องอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย..”
จุนโฮทรุดตัวนั่งลงบนพื้นรถแทนที่จะนั่งบนเบาะอย่างน้อยหัวก็ไม่น่าจะโผล่ให้แฟนๆเห็นละนะ
“สักพักละมั้งเดี๋ยวก็คงเหนื่อยหายไม่เจอแล้วกลับเองแหละ”
คนตัวโตเบียดตัวลงไปตามอีกคน
“อ้วน.. จะเบียดทำไมเนี่ย”
กระซิบเบาๆพลางดันชานซองออกเล็กน้อยจนคนตัวโตหน้ามุ่ย
“ก็คนมันตัวสูงนี่เขยิบไปหน่อยไม่ได้รึไง”
“ไม่เอาไปนั่งข้างหลังเลยไป”
“โผล่หัวตอนนี้มีหวังแห่กันมาพอดีอะดิ!”
เสียงกรี้ดกร้าดดังแว่วเข้ามาจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจชานซองสะกิดให้จุนโฮเงียหูฟังก่อนคนตัวเล็กเลยจำใจต้องเบียดตัวชิดอีกฝั่งของรถอย่างช่วยไม่ได้
มันเป็นเรื่องยากมากทีเดียวที่จะยัดผู้ชายมวด 80 กิโลในที่แคบๆอย่างฮวางชานซองได้
“หายไปไหนแล้วนะเมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย”
“หาคนหน้าขาวดิแกแอร้ยยพี่จุนโฮสวยมากอะะฮือออ”
“พี่ชายก็สูงมากกโอ้ยยเห็นแล้วจะเป็นลม”
ถึงจะแปลความหมายไม่ออกจากชื่อของพวกเขาก็เด่นชัดได้ยินเต็มสองรูหูหนำซ้ำยังได้ยินอะไรชานนูนอๆอยู่ไม่ขาดคงไม่พ้นเรื่องคู่จิ้นอีกแน่นอน..
“ฮึ้ยย..ชานนูนอ.. ไม่เป็นความจริงซักนิด..”
ร่างเล็กบ่นงึมงัมอยู่คนเดียวพร้อมกับนั่งกอดอกเอาจริงๆแล้วเขาควรจะชินได้แล้วกับเรื่องพวกนี้ตลอดเวลาห้าปีที่ถูกจับจิ้นกับฮวางชานซอง..
แล้วเป็นไง..
มันกลายเป็นอย่างที่แฟนคลับมโนซะจนได้.. แต่ดันเป็นฝ่ายเขาเองคนเดียวที่คิดไปเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน
“เป็นอะไร”
หน้าตาหงุดหงิดของจุนโฮทำเอาชานซองต้องเอยปากถามและคำตอบที่ได้ก็เป็นแค่หน้าตาบึงตึงของคนตัวเล็กเท่านั้น
“หงุดหงิดเรื่องเราหรอ?”
เรื่องเรา? คำนี้พอได้ยินแล้วมันแปลกๆถึงจะเข้าใจว่าชานซองหมายความว่าเรื่องคู่จิ้นนั้นก็ตาม
“นายไม่หงุดหงิดบ้างรึไงเล่า.. นายถูกจับคู่กับฉันนะ..”
เสียงพูดคุยของเหล่าไทยฮอตเทสยังจอแจไม่ห่างนั้นยิ่งทำให้เขาต้องคิดเรื่องนี้แบบจริงๆจังๆ
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่.. เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้เราสักหน่อย”
“ฉันหมายถึงนายพอใจหรอที่ใครต่อใครต่างมองว่าเราสองคน..เป็น..มากกว่าเพื่อนน่ะ”
ใบหน้าหวานก้มหน้ามองเท้าตัวเองในขณะที่พูดไม่เคยมานั่งพูดอะไรตรงๆแบบนี้นี่นา.. เห้ย.. แล้วทำไมต้องพูดเรื่องนี้เวลานี้ด้วยวะ.. จุนโฮเอ้ยย..
“แล้วนายคิดว่าไงละ”
“…หมายความว่าไง?”
“นายชอบไหม? ชานนูนอ?”
ห้ะ..
จุนโฮช้อนมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“ไอ่บ้าถามอะไรของนายนะพิลึก”
อืมม.. ก็แค่เหวี่ยงงกลบอาการอย่างที่ชอบทำนั้นแหละ..
“เอ้า..ก็ถามอะดูดิข้างนอกยังพูดกันไม่หยุดเลย..”
“ไม่ชอบคุณนูนอยังน่ารักกว่าเลย”
“ชอบคุณฮยองหรอ?”
“..เป็นอะไรเซ้าซี้อะไรเนี่ย”
“คุณนูนอกับชานนูนอชอบอะไรมากกว่ากัน”
อึก..
เขาเคยสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือว่าถ้าเลือกได้เขาอยากจะเป็นแฟนคุณฮยองแต่อยากแต่งงานกับชานซอง.. ตอนนี้คำตอบนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่.. แต่คนหมีงั่งตรงหน้าไม่เคยรับรู้เลยน่ะสิ..
“ไม่รู้หรอกไม่เคยลึกซึ้งขนาดนั้นนิ”
และก็เป็นอีกครั้งที่เขาตอบปัดพลางหันหน้าหนีไปสนใจเศษดินเศษไม้แทนพูดถึงเรื่องนี้แล้วมันอารมณ์เสียพึ่งหายนอยด์จากเรื่องคราวก่อนไม่กี่วันเองนะ
“ลองไหม..”
สิ้นเสียงทุ้มปากหยักกดลงไปบนกลีบปากสีหวานช้าๆโดยที่จุนโฮไม่ทันได้ตั้งตัวมือหนาเชยคางอีกคนขึ้นเพื่อให้รับจูบจากเขาได้ถนัดมือหลับตาแน่นมือบางยกขึ้นเกาะไหล่หนาทันทีชานซองบดเบียดสัมผัสร้อนเข้าหาจุนโฮเรื่อยๆดูดดึงกลีบปากนุ่มสนุกปากลิ้นชื้นดุนดันให้คนตัวเล็กเปิดปากออก
‘แกชานนูนอมาสวีทกันจริงป่าว้ะ’
ปากบางเผยอเปิดออกเพราะลมหายใจติดขัดแต่กลับไม่ได้ทำให้เขาหายใจได้ถนัดขึ้นเลย.. ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปคลอเคลียลิ้มรสโพรงปากหวาน
‘มากันสองคนก็ต้องมาสวีทกันดิแอร้ยยย’
“อื้ออ..”
ฝ่ามือหนาดันท้ายทอยคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ในขณะที่จุนโฮยกมือโอบรอบคอชานซองอย่างเผลอตัว
‘ไม่มั้งชานนูนอเขาเป็นแค่เพื่อนกันน่าาา’
“อืมม..อือ”
ใบหน้าคมขยับเปลี่ยนองศาไปมาดูดเม้มหยอกล้อเบาๆจนคนตัวเล็กต้องระบายอารมณ์ผ่านการจิกไหล่หนาเข้าแรงๆ
‘อย่างน้อยได้เห็นเขาสองคนอยู่ด้วยกันก็ฟินแล้วแก’
จุนโฮหน้าแดงซ่านก่อนเป็นฝ่ายผลักชานซองออกเพราะหายใจไม่ทันร่างเล็กตัวสั่นเล็กน้อยและหอบแฮ่กจูบแรกของเขา…กับผู้ชายและผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองผิดมากมั้ยถ้าเขาจะคิดเกินเลยกับจูบเมื่อครู่แล้วชานซองล่ะจะคิดเหมือนที่เขาคิดหรือเปล่า
“นะนายจูบฉันทำไม” จุนโฮรวบรวมความกล้าของตัวเองมองหน้าชานซองที่ยืนนิ่งอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ทวงสัญญาที่ปันหยีไงที่บอกว่า…” ยังไม่ทันจะได้อธิบายให้จบจุนโฮก็เหวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ถ้าทำเพราะสัญญาโอเคถือว่าหายกันลืมจูบนั่นไปซะเพราะฉันไม่รู้สึกอะไรเลย”
“นูนอนายกำลังหลอกตัวเองอยู่นะ” ถ้าจุนโฮไม่รู้สึกอะไรตอนนี้ทำไมต้องหลบตาเขาด้วย
“หลอก? ฉันไปหลอกตัวเองตอนไหนอย่ามารู้ดีเรื่องตัวฉันหน่อยเลยนายน่ะมันโง่นายไม่เคยรับรู้อะไรแม้แต่นิด” เสียงของจุนโฮสั่นเครือทั้งน้อยใจทั้งเสียใจในใจเต็มไปด้วยความสับสน
“นายรู้ได้ไงว่าฉันไม่เคยรับรู้เรื่องของนายนายนั่นแหละที่ไม่เคยรับรู้เรื่องของฉันว่า..”
“ว่าอะไรพูดให้มันจบๆ”
ทำไมต้องขัดจุนโฮคนขี้เหวี่ยง
“ว่าฉันอยากให้ชานนูนอคือเรื่องจริงไม่ใช่แค่เรื่องที่แฟนคลับจินตนาการไปเอง”
ฝันอยู่หรือเปล่านะออกมาจากปากชานซองจริงๆหรอ
“ส่วนเรื่องจูบนายจะคิดว่าทวงสัญญาก็ได้แต่ที่ฉันทำแบบนั้นลงไปฉันบอกเลยไม่ใช่เพราะสัญญาอะไรนั่นหัวใจของฉันมันสั่งให้ฉันทำแม้ไม่ได้อะไรตอบแทนมันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยนายจะเกลียดฉันก็ได้ที่ฉันคิดกับนายแบบนี้แต่ฉันรู้สึกแย่กับความสัมพันธ์ที่มันไม่เคลียร์ฉันต้องบอกให้นายรู้ว่าฉันไม่เคยมองข้ามความรู้สึกนายเลยตรงกันข้ามฉันกลับใส่ใจนายนายเองต่างหากที่ไม่ยอมรับรู้ถึงความรู้สึกที่ฉันมีให้นาย”
อยู่ๆชานซองก็โพล่งในสิ่งที่เก็บไว่ในหัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา หลายวันที่เขาออกอาการหึงหวงจุนโฮอย่างเห็นได้ชัด หลายวันที่ทำให้เขารู้ใจตัวเองมากขึ้น..
“…”
“ฉันให้นายกลับไปคิดต่อว่าเรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อไปแค่นี้แหละที่ฉันอยากจะพูด” ชานซองเสยผมขึ้นเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถตู้เริ่มร้อนขึ้นไม่รู้เป็นเพราะอากาศหรือเพราะใจเขากันแน่ที่ร้อนก็พูดไปแล้วนี่เอากลับคืนไม่ได้แล้วด้วย
ชานซอง…มนุษย์หมีที่ชอบทำหน้ามึนตลอดเวลาพูดอะไรแบบนี้ได้ด้วยหรอเนี่ย
“นาย.. เฮ้เดี๋ยวสินายจะไปไหน” ยังไม่ทันที่จุนโฮจะพูดจบประโยคชานซองก็เปิดประตูรถตู้ก่อนจะหันมาหาจุนโฮ
“ฉันจะออกไปดักแฟนคลับก่อนแล้วนายค่อยๆกลับไปที่โรงแรมนะระวังตัวด้วยอย่าให้ใครตามนายเข้าใจมั้ยเจอกันที่ล็อบบี้โรงแรม” ชานซองเดินก้าวออกมาจากรถตู้ตอนนี้แฟนคลับหายไปหมดแล้วแต่เขาคิดว่าแฟนคลับน่าจะซุ่มอยู่ไม่น่าไปไหนไกลเขาเดินไปทางร้านขายของที่หนีจากบรรดาแฟนคลับเมื่อครู่เพื่อต้อนให้แฟนคลับมาเจอเขาคนเดียวดีกว่าให้รุมทั้งเขาทั้งจุนโฮก็คนมันหวงนี่หน่า
.
.
.
หน้าโรงแรม
“บักหูดากบักงามไส้บักบักจั๊กสิหาคำมาเว้าหยั่งมาว่าเนาะไปหูดำใส่ผู้สาวมันน่าเตะตัดขาบ่นี่หือ” มินจุนเปิดฉากพ่นคำบ่นด้วยสำเนียงบ้านเกิดใส่คนตัวแสบทันทีหลังจากที่พยายามอดทนมานานทนไม่ได้แล้วโฟร้ยยยยยยย
“ขอซับเกาหลีสำเนียงโซลผมฟังไม่ออกฮยองผมแค่คุยนะไปหูดำหูกางใส่ตรงไหนพูดดดดดด” แทคยอนผู้แกล้งทำเป็นใสซื่อขมวดคิ้วเพื่อให้สมบทบาทพลางแอบลอบยิ้มด้วยความสาแก่ใจนี่แหละที่อ๊คต้องการถึงจะโดนเฉ่งหูบานกว่าเดิมโดนทุบตีสารพัดแต่มันก็คุ้มชัดเลยแผนโฮมมี่นิคคุณได้ผลกลับไปต้องไปจุ้บเหม่งเพื่อนรักสามทีรัวๆ
“เอ๊ะอย่ามาเถียงข่อยเด้นี่ย๊าห์! ก็เห็นๆอยู่ที่หาดเผลอไม่ได้” มินจุนกอดอกฮึดฮัดไปอีกทาง
“แอ๊ะหึงเค้าอะเด้กิ้วๆๆๆ” แทคยอนเริ่มต้นการง้องอนด้วยท่าที่คิดว่าน่ารักที่สุดทันทีท่าแมวเหมียวเมี้ยววววววว >w<
ป้าบ!! ฝ่ามือพิฆาตไปอีกจากมินจุนฮยอง
“แอ๊งงงงงงงอู้ยแสบบบบผมเจ็บนะฮยองมีอะไรไปเคลียร์กันที่ห้องเถ๊อะผมอายคนเขา” มินจุนผู้ได้สติจากพิษรักแรงหึงหันไปมองบริเวณรอบๆนี่มันหน้าโรงแรมคนเดินผ่านไปผ่านมาต่างมองแทคยอนและมินจุนด้วยสายตาที่มึนงงระดับสิบจะเข้าไปห้ามก็ไม่กล้าแม้แต่รปภ.เองก็ได้แต่ยืนเกาหัวแกร่กๆ
“พูดให้มันเคลียร์ๆหน่อยเกิดแถวนี้มีคนฟังเกาหลีออกเขาเอาไปตีความผิดๆพอดีไป๊! ขึ้นห้องเอ็งตายยยยยยย” พูดจบประโยคมินจุนเริ่มวิ่งไล่กึ่งเตะแทคยอนทันทีไม่ทันได้เห็นสายตาและท่าทีขำของคนแถวนั้นแอบมีแฟนคลับอยู่ในนั้นเธอรีบรัวแฟนแอคลงทวิตทันที
‘แฟนแอคอ๊คเค : เจอแทคกับพี่คิมหน้าโรงแรมที่มาพักร้อนพอดีกรี๊ดดดโชคดีมากๆแทคกับพี่คิมเล่นตีกันตลกมากไม่รู้งอนอะไรกันแต่แทคง้อพี่คิมน่ารักอ้ะ >_<’
อ๊ควิ่งดิอ๊คแว้กกกกกกกกกกกบักอ๊คตายแน่ตายแน่บักอ๊คคคคคคคคแทคยอนติดสปีดแบบตอนไปแข่งวิ่งกีฬาไอดอลอย่างรวดเร็วอ๊คสู้ตรั่ยยยยยยปู่แดกูทำอะไรไม่ได้หร้อกกกกรายนั้นเข่าทรุดวิ่งให้ทันนะฮยองครุคริครุคริ
——————–
มาแล้วเด้อ นานมาก 555 แต่ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
แล้วก็อย่าลืมเรียงเลขให้ด้วยจ้าา จุ้บบบ