Archive

ไม่มีหมวดหมู่

writer : wakkks , rainstill , AatbWoo , Yochan , PaiPOPcoRn , Peachyhachi
tag : #เดอะรูมเมท

—————————————————————

 

 

หลังจากที่ชายหนุ่มทั้ง 6 คนเดินทางกลับมาจากเกาะปันหยีเรียบร้อยแล้วรถตู้ที่นิชคุณเช่ามาก็พาพวกเขาไปทำบุญตามที่เจ้าชายไทยได้สัญญาเอาไว้กับเจ้าของโฮมสเตย์แห่งนั้นพอได้เข้าวัดทำบุญทุกคนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง 

ระหว่างทางนั่งรถไปภูเก็ตดูเหมือนว่าทุกคนจะหลับกันหมดยกเว้นคู่น้องเล็กอย่างชานซองและจุนโฮที่นั่งคู่กันอยู่เบาะหลังทั้งคู่ยังไม่ได้มองหน้ากันเลยตั้งแต่ออกจากโฮมสเตย์มา 

ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าเรียวของคนข้างกายบรรยากาศดูน่าอึดอัดขึ้นมาทันทีความคิดในหัวสมองตีกันให้ยุ่งไปหมดไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดีเงียบแบบนี้มันเหมือนกับเขาทำอะไรผิดอย่างนั้นแหละ

จุนโฮเสียงทุ้มเรียกชื่อคนตัวเล็กกว่าเบาๆด้วยความที่บนรถเงียบสงบทำให้จุนโฮสะดุ้งก่อนจะหันกลับมามองคนข้างกายเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

นายเป็นอะไรรึเปล่าทำไมถึงทำท่าเหมือนโกรธฉันร่างสูงจ้องคนตรงหน้าเขม็งดวงตาเรียวกรอกไปมาซ้ายขวาไม่กล้าสบกับดวงตาคมตรงๆจะให้มองได้ยังไงเล่าก็ประโยคนั้นที่เขาพูดไป.. ที่บอกว่าจะยอมทุกอย่างนั่นน่ะ.. โอ้ยไม่น่าเลย..

ชานซองทำตาโตเมื่อเห็นว่าจู่ๆใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อจุนโฮเป็นอะไรทำไมอยู่ๆก็มาหน้าแดงใส่เขาแบบนี้ไม่รู้เหรอว่ามัน.. น่ารักชิบหาย!!

ใช้เวลาทบทวนความทรงจำไม่นานริมฝีปากหยักก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร่างสูงขยับเข้าหาคนตัวเล็กกว่าที่ขยับหนีจนติดกับหน้าต่างรถ 

นายเขินเรื่องนั้นเหรอเสียงทุ้มกระซิบถามจุนโฮเม้มริมฝีปากแน่นมือเรียวยกขึ้นดันแผ่นอกกว้างเอาไว้เพื่อรักษาระยะห่าง

เขินอะไรเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้วเหมือนลิ้นจะพันกันรู้สึกว่าเขาจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องโอ้ยให้ตายเถอะอย่าเข้ามาใกล้แบบนี้ได้มั้ยเล่า!

ก็ตอนที่นายปลุกฉันไงที่นายบอกว่า..”

มืออีกข้างที่ว่างรีบยกขึ้นมาปิดริมฝีปากหยักที่กำลังเผยอพูดดวงตาเรียวถลึงใส่พวงแก้มใสขึ้นสีระเรื่อน่ามองลามไปถึงใบหูเล็กที่แดงแปร๊ดชานซองหัวเราะหึหึในลำคอมือหนาเลื่อนขึ้นจับข้อมือเล็กที่ปิดปากเขาอยู่ให้ปล่อยออก

ใบหน้าคมค่อยๆลดระยะห่างลงมาจมูกโด่งของทั้งคู่แตะสัมผัสกันเบาๆหัวใจดวงน้อยของจุนโฮแทบจะทะลุออกมานอกอกถึงจะเคยแอบจุ๊บแล้วก็เถอะแต่ตอนนั้นไอ้หมีอ้วนนี่หลับนี่นาแล้ว.. แล้วตอนนี้..

ลมหายใจร้อนเป่ารดบนริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นเล็กน้อยริมฝีปากหยักแตะสัมผัสเบาๆสัมผัสนุ่มทำให้จุนโฮเผลอกลั้นหายใจชานซองผละออกเล็กน้อยดวงตาทั้งสองคู่สบกันก่อนที่จะขยับเข้าหากันอีกครั้ง..

วิ่ง!!!”

เสียงของแทคยอนทำให้ทั้งคู่กระเด้งออกจากกันทันทีชานซองถอยร่นไปจนติดกับหน้าต่างอีกฝั่งจุนโฮนั่งตัวตรงแข็งทื่อลมหายใจหอบถี่ด้วยความตกใจ

ทั้งคู่นั่งเงียบเพราะคิดว่าแทคยอนคงจะตื่นขึ้นมาแล้วแต่กลับมีเสียงกรนเบาๆดังมาจากที่นั่งข้างหน้าชานซองขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆชะโงกหน้าไปมอง

อ๊คแทคยอนผู้ยังมีผ้าปิดตาคาดอยู่ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยท่าทางเหมือนคนกำลังหลับลึก..

ละเมอเรอะ!!” ชานซองโวยวายเสียงดังจนนิชคุณที่นั่งอยู่แถวหน้าหันมามองด้วยความงุนงง 

วิ่ง!!!” เป็นอีกครั้งที่ทุกคนสะดุ้งเพราะเสียงของแทคยอนมินจุนที่นั่งอยู่ข้างๆทนไม่ไหวโบกศีรษะคนตัวสูงจนหัวทิ่มเกือบตกลงจากเบาะ

ละเมอบ่หนิ!? ตื่นได้แล้วไอแมวขี้เซาละเมอจนเขาตกใจกันหมดวิ่งอะไรล่ะหนีซอมบี้รึไงยังยังไม่ตื่นอีกว่าแล้วก็ซัดผัวะเข้าที่ไหล่หนาแทคยอนสะดุ้งพร้อมกับปลดผ้าคาดตาออกหรี่ตามองทุกคนด้วยความงุนงง

อูยองที่นั่งอยู่เบาะหน้าหันกลับมามองพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

ฮยองฝันว่าอะไรวิ่งหนีผีเหรอ

แทคยอนทำตาโตก่อนจะตอบว่า

รู้ได้ไงวะนี่กำลังวิ่งเลยแล้วฮยองมาปลุกผมทำไมเนี่ย

แทคยอนมองคนข้างกายด้วยความไม่เข้าใจปลุกอ๊คทำไมอ๊คกำลังฝันสนุกๆเลยอ๊คไม่เข้าจายยยยยยยยยยยยยย

.

.

.

.

แบ่งห้องเป็นคู่ๆแล้วกันห้องละ 2 คนตามที่แบ่งไว้ตอนนั้นฉันกับแทคอูยองกับคุณแล้วก็ชานซองจุนโฮโอเคตามนี้ขึ้นไปเก็บของแล้วเดี๋ยวลงมาเจอกันที่ล็อบบี้

มินจุนพูดรัวๆโดยไม่ยอมให้ใครปฏิเสธคว้ากระเป๋าเดินดุ่มๆขึ้นลิฟท์ทันทีโรงแรมนี้ดูน่าไว้วางใจกว่าโฮมสเตย์นั่นเป็นไหนๆหวังว่าคืนนี้คงไม่มีผีหรอกนะ

15นาทีต่อมา

เมื่อนำสัมภาระไปเก็บเรียบร้อยแล้วทั้งหกคนก็ลงมาที่ล็อบบี้อีกครั้งอากาศวันนี้แจ่มใส่มากแสงแดดสะท้อนกับพื้นผิวทะเลจนเปล่งประกาย 

ไปชายหาดกันมินจุนเอ่ยกับน้องๆก่อนจะลากแขนอูยองเดินไปที่ชายหาดด้วยกันฝ่ายแทคยอนก็ทำได้เพียงมองตามมินจุนตาละห้อยจนนิชคุณสังเกตได้เมื่อคู่น้องเล็กเดินออกไปจากล็อบบี้แล้วนิชคุณก็ได้ฤกษ์เปิดปากพูดเสียที

ชอบมินจุนฮยองเหรอ?” เอ่ยถามออกไปตรงๆ

อือนิชคุณตกใจกับคำตอบของแทคยอนอ้อมค้อมหน่อยก็ได้มั้งตอบตรงๆแบบนี้คนฟังหัวใจจะวายแต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาได้เห็นสีหน้าเหมือนหมาหิวข้าวของเพื่อนรักก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเฮ้อออต้องให้ถึงมือนิชคุณจนได้สินะ

จะบอกอะไรให้นะถ้าอยากให้ฮยองเขาแสดงความรู้สึกอะไรออกมาบ้างนายต้องจี้จุดเขา

จี้จุด? แบบจี้เอวงี้เหรอนิชคุณอยากจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองแรงๆไอ้แรปเปอร์ฟันยื่นนี่มันสอบโทอิคได้เต็มจริงป่ะว่ะเนี่ยทำไมมันถึงได้ซื่อทูเดอะบื้อแบบนี้

ไม่ช่ายยคืองี้….” นิชคุณยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับแทคยอนเมื่อแทคยอนได้ยินสิ่งที่นิชคุณกระซิบก็ถึงกับยิ้มกว้างอ่อ….ต้องอย่างนี้นี่เอง

ป่ะไปชายหาดกันเถอะนิชคุณลากแขนแทคยอนเดินออกมาที่ชายหาดอูยองกับมินจุนกำลังก่อปราสาททรายชานซองกับจุนโฮกำลังเล่นน้ำทะเลนิชคุณสะกิดแทคยอนให้มองไปยังเป้าหมายที่นอนอาบแดดอยู่ไม่ไกลจากมินจุนสาวฝรั่งผมทองอยู่ในชุดบิกินี่สีแดงหุ่นน่าเซี๊ยะกำลังนอนอาบแดดอยู่

แม่จ้าวววนี่นางแบบวิคตอเรียซีเครตป่ะว่ะเนี่ยแทคยอนเอ่ยพลางอ้าปากค้างอ๊คจะเป็นลมอ๊คอยากกรีดร้องฮอลลลล

นี่ๆอย่าลืมแผนของเราสิเข้าไปคุยกับเขาล่ะกันที่เหลือฉันจัดการเองแทคยอนพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะเดินแยกไปอีกทางนิชคุณเดินเข้าไปหาอูยองกับมินจุนที่กำลังก่อปราสาททรายกันอยู่ร่างสูงเดินเข้าไปนั่งข้างๆอูยอง 

ทำอะไรอยู่หืม?” เอ่ยถามคนข้างกายคนตัวเล็กกว่าหันมายิ้มให้จนแก้มแทบปริ

ผมกำลังสร้างปราสาทซินเดอเรลล่าส่วนมินจุนฮยองกำลังสร้างหอคอยราพันเซลนิชคุณหันไปมองหน้ามินจุนไม่น่าเชื่อว่าคนแบบมินจุนจะสร้างหอคอยราพันเซลถ้าเป็นป้อมปืนอะไรเทือกนี้จะดูเข้ากับหน้ามากกว่า

น้อยๆหน่อยบักหล้าบังคับให้ฮยองสร้างเองนะฮยองจะสร้างรถถังให้ซินเดอเรลล่าขับก็ไม่เอานิชคุณหลุดหัวเราะออกมาซินเดอเรลล่าประเทศไหนขับรถถังวะนั้นเมื่อจบบทสนทนานิชคุณจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบเพื่อจะดูว่าแทคยอนเข้าไปคุยกับฝรั่งคนนั้นหรือยัง 

อูยองอ่าทำไรกันอ่ะชานซองกับจุนโฮที่เพิ่งขึ้นมาจากน้ำทะเลเดินเข้ามาถามอูยอง

กำลังสร้างปราสาททรายน่ะพอดีเลยจุนโฮกำลังขาดคนพอดีมาสร้างปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่าเร็วๆซินเดอเรลล่าจะได้มีเพื่อนบ้านอูยองเอ่ยตอบอย่างร่าเริงจุนโฮจึงต้องนั่งสร้างปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่าอย่างเสียมิได้โดยมีชานซองเป็นลูกมือฝ่ายนิชคุณที่นิ่งเงียบไปนานเมื่อเห็นว่าแทคยอนกำลังคุยกับฝรั่งคนนั้นอย่างออกรสชาติก็ได้เวลาชี้เป้าแล้ว

โหไอ้แทคนี่ยังไงเผลอแปปเดียวเข้าหาสาวแล้วอีกสี่คนที่เหลือจึงหันไปมองแทคยอนทันทีเมื่อนิชคุณพูดอย่างนั่นแต่นิชคุณกลับจ้องมองอากับกิริยาของมินจุนทุกอย่าง 

ไอ้นี่….” มินจุนเอ่ยออกมาเบาๆเขวี้ยงปราสาทซินเดอเรลล่าใส่หัวมันได้ม่ะอะไรว่ะเมื่อคืนยังมาทำให้คนอื่นเขาหวั่นไหวอยู่เลยพอมาวันนี้ไปจีบสาวแล้วเหรอบักเฒ่าหัวงูหึยยยยยยทำไมเป็นคนแบบนี้วะ 

ชานซอง….ฉันว่ามินจุนฮยองจ้องแทคยอนฮยองจนจะพรุนแล้วนะจุนโฮหันไปกระซิบชานซองเมื่อเห็นสายตาของพี่ชายคนโตจดจ้องไปที่แรปเปอร์ของวงถ้าปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาจากตาได้แทคยอนฮยองคงแยกออกเป็นสองซีกแล้วล่ะ

ฉันก็ว่างั้นทะเลแถวนี้เริ่มจะเดือดปุดๆแล้วล่ะฉันว่าเราไปหาเครื่องดื่มเย็นๆกินดีกว่าถือว่าหนีจากสงครามด้วยคิดว่าไง?”

อืมก็ดีนะเมื่อพูดจบชานซองกับจุนโฮก็พากันเดินออกไปเพื่อไปหาซื้อเครื่องดื่มเย็นๆมาดื่มเพราะบรรยากาศแถวนี้เริ่มไม่ค่อยโอเคแล้วล่ะแผ่นดินกำลังจะลุกเป็นไฟกลับมาที่มินจุนดวงตารีจ้องมองแทคยอนไม่วางตาในใจก็ก่นด่าอีกคนมากมายเขายกมือขึ้นมาช้าๆก่อนทุบลงไปที่กองทรายเต็มแรง

อ๋าาาาาาาาหอคอยราพันเซลอูยองแทบจะร้องไห้โฮออกมาเมื่อมินจุนทุบปราสาทราพันเซลจนราบเป็นหน้ากอง 

ไม่เป็นไรอูยองเดี๋ยวฮยองจะรีโนเวตปราสาทให้ใหม่นะแต่ก่อนหน้านั้นดูมินจุนฮยองสินิชคุณพยักเพยิดให้อูยองดูอาการของมินจุนใบหน้าหวานแสดงอาการฉุนเฉียวออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อแทคยอนกับสาวผมทองคนนั้นคุยไปหัวเราะไปจนกระทั่งความอดทนของมินจุนขาดผึง 

ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหักนิ้วทั้งสิบนิ้วจนนิชคุณกับอูยองได้ยินเสียงดังกรอบแกรบก่อนที่จะเดินเข้าไปหาแทคยอนกับสาวผมทองคนนั้นนิชคุณมองไปทางแทคยอนด้วยความเป็นห่วงโชคดีที่เขาพกมือถือมาด้วยเพราะเกิดมินจุนฮยองทำร้ายร่างกายแทคยอนแล้วล่ะก็จะได้โทรตามรถพยาบาลได้ทัน

อ่าวมินจุนฮยองไปไหนอ่ะทำปราสาทเค้าพังมารับผิดชอบเดี๋ยวนี้เลยอูยองตะโกนเรียกหากแต่มินจุนก็ไม่ได้สนใจดวงตาของเขาจดจ้องแต่แทคยอนที่เอามือไปโอบบ่าสาวผมทองคนนั้นมันน่าตัดมือทิ้งแล้วโยนให้ฉลามกินจริงๆเลยแล้วนั่นไปยิ้มให้เขาทำไม 

ไอ้นี่หนิ…..มันน่านักเชียวมินจุนค่อยเดินเข้าไปหาสองคนนั้นช้าจนเมื่อมินจุนเดินไปหยุดยืนข้างแทคยอนใบหน้าคมก็ค่อยเงยหน้ามองผู้มาใหม่ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างร่าเริง

มินจุนฮยองมาคุยกับสเตซี่ด้วยกันสิเธอมาจากอเมริกาเลยนะมินจุนพยายามรวบรวมสติไม่เอื้อมมือไปกระชากแทคยอนออกจากสเตซี่นับหนึ่งถึงสิบไปก่อนนะคิมจุนเคนะอย่าตบมันห้ามตบมันอย่าทำร้ายมันตบคนมันบาปนะอย่าเลย ….

มาๆนั่งลงก่อนฮยองมือหนาตบลงตรงข้างตัวหมายให้มินจุนนั่งลงหนอยยยยยยไอ้เหยินนี่มันท้าทายอำนาจมืดชัดๆมานั่งป้อสาวแถมยังมาชวนให้นั่งฟังพวกมันหัวร่อต่อกระซิกกันอีกใครทนได้ก็เป็นแม่ชีเทเรซ่าแล้วว้อยจุนทูดาเคจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วมันต้องเคลียร์เรื่องนี้มันต้องเคลียร์ย๊ากกกกกกกกกกกก

อ๊คแทคยอนคุยกันหน่อยได้ไหม

หืม? นั่งสิฮยองจะได้คุยกันไงแทคยอนเงยหน้าขึ้นไปพูดกับมินจุนด้วยแววตาใสซื่อพร้อมกับมือที่ยังตบที่นั่งข้างตัวท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้พี่ใหญ่รู้สึกฉุนหนักกว่าเก่า

เอ็งเล่นแบบนี้ใช่ไหมบักแทคได้ได้

โอ้ยยยยยฮย๊องงงง!!” เสียงทุ้มคำรามลั่นไปทั่วหาดสเตซี่สาวฝรั่งที่นอนอาบแดดคุยเล่นกับแทคยอนเมื่อครู่สะดุ้งตัวโหยงด้วยความตกใจ

มินจุนบิดหูร่างสูงด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะดึงให้แทคยอนเดินตามเขาออกไปอีกทางเสียงร้องโหยหวรยังคงดังลั่นจนคนแถวนั่นหันมามองแต่คิมมินจุนหาได้สนใจไม่

นิชคุณที่นั่งก่อปราสาททรายกับอูยองเงยหน้าขึ้นมองไปต้นเสียงเห็นพี่ใหญ่กำลังดึงหูแทคยอนเดินออกไปอีกทางใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วงแทคยอนที่ถูกดึงออกไปแบบนั้นแต่อีกใจก็รู้สึกดีใจที่แผนที่เขาคิดไว้สำเร็จ

ริมฝีปากอิ่มแดงคลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นเป้าหมายทั้งสองเดินหายออกไปอีกทาง

นั่นมินจุนฮยองกับแทคฮยองจะไปไหนกันหูยยยยเห็นแล้วเจ็บแทนแทคฮยองเลยแฮะเสียงเล็กๆของคนที่นั่งก่อปราสาททรายอยู่ข้างๆดังขึ้นเรียกให้ดวงตากลมโตหันไปมอง

เรื่องของผู้ใหญ่เขาเด็กไม่เกี่ยวนิชคุณพูดกลั้วหัวเราะแล้วตบทรายตรงฐานหอคอยราพันเซลที่ตัวเองก่อให้อูยองใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง

โหยยยยอะไรกันฮยองผมโตแล้วนะ!!” อูยองโวยวายขึ้นมาเสียงดังริมฝีปากบางโค้งขึ้นอย่างงอนๆ

อายุเขาจะปาไปยี่สิบปลายๆแล้วนะ! ทำไมคุณฮยองต้องมาหาว่าเขาเด็กด้วย!

คิกๆโตแล้วจริงอ่ะไหนพิสูจน์ให้ฮยองดูหน่อยสินิชคุณพูดด้วยรอยยิ้มดวงตากลมโตเป็นประกายมองใบหน้าน่ารักของอูยองที่เริ่มเบะพร้อมจะอังอังออกมาซะอย่างนั้น

แล้วผู้ใหญ่ที่ไหนเขามานั่งก่อปราสาททรายเจ้าหญิงดิสนีย์กันล่ะ

พิสูจน์ยังไงเล่า! ฮยองบอกมาดิผมจะพิสูจน์ให้ดูเลย!”

นิชคุณยิ้มมองใบหน้าเนียนของคนตรงหน้าที่หน้าผากมนเริ่มเกาะพราวไปด้วยหยาดเหงื่อไรผมเปียกชื้นลู่แนบกรอบหน้าเห็นดังนั้นก็ละมือจากกองทรายตรงหน้าล้วงมือเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงยกขึ้นซับหน้าให้อูยองเบาๆโดยไม่ได้สนใจประโยคของคนแก้มป่องเมื่อครู่

อูยองผงะเล็กน้อยที่จู่ๆนิชคุณก็หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาซับหน้าให้แก้มใสสองข้างเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อด้วยความเขินอายหรือเพราะบรรยากาศรอบตัวที่เริ่มร้อนขึ้นก็มิอาจรู้ดวงตากลมโตที่จ้องสบสายตากับเขาทำให้อูยองรีบหลุบตามองต่ำหัวใจเต้นแรงไม่เป็นสำ

อากาศเริ่มร้อนแล้วจะเข้าไปนั่งพักก่อนมั้ยหน้าแดงเชียวนิชคุณเชยคางมนขึ้นให้ดวงตาเรียวเล็กขึ้นมาสบตาเขาแก้มป่องๆสองข้างขึ้นสีแลดูน่ารักน่าเอ็นดู

อะเอ่อยังดีกว่าครับเพิ่งจะออกมาเองอูยองก้มหน้าลงงุดๆมือไม้กำทรายเล่นไม่กล้าสบตากับคนเป็นพี่นึกในใจอยากจะให้ชานซองกับจุนโฮที่ออกไปหาซื้อเครื่องดื่มกลับมาไวๆ

ทำไมถึงรู้สึกใจเต้นแรงจังเลยคุณฮยองทำอะไรกับเขารึเปล่าเนี่ย

.

.

.

ทางด้านจุนโฮกับชานซอง

ทั้งคู่กำลังเดินหาของกินตามร้านแผงลอยที่ตั้งขายบนฟุตบาตรหน้าตาของอาหารที่รู้จักและไม่รู้จักทำให้ทั้งสองตื่นตาตื่นใจมิใช่น้อย 

ชานซองพาจุนโฮเดินไปดูร้านนู้นร้านนี้เป็นว่าเล่นแต่สุดท้ายก็พามาหยุดอยู่ที่ร้านปลาหมึกย่างร้านหนึ่ง

น่ากินจังเลยเสียงทุ้มพึมพำออกมาเบาๆดวงตาคมโตเป็นประกายเมื่อมองปลาหมึกสีเหลืองที่ถูกเสียบไม้ไว้แล้ววางเรียงรายอยู่บนตะแกรงหยิบไม้นู้นไม้นี้แยกออกมาด้วยความรวดเร็วโดยไม่ได้ฟังเสียงร้องห้ามของคนตัวเล็กข้างกายเลยแม้แต่น้อย

ย่าห์ๆชานซองหยิบออกมาแบบนี้ไม่เหมาให้หมดเลยเล่า!” เสียงหวานติดจะหงุดหงิดดังออกมาจากริมฝีปากอิ่มมือเรียวหยิบไม้ปลาหมึกที่ชานซองหยิบออกมากองรวมๆกันในปริมาณมากหยิบกลับไปไว้ที่เดิมให้เหลือไว้แค่พอประมาณ

โห่จุนโฮอาซื้อไปฝากพี่ๆด้วยไงแค่นี้กินกันไม่อิ่มหรอกชานซองครวญเมื่อเห็นจำนวนไม้ปลาหมึกที่จุนโฮเหลือไว้มีแค่ยี่สิบกว่าไม้แบบนี้เขากินคนเดียวก็หมดแล้ว

น้อยๆหน่อยเดี๋ยวตอนเที่ยงเราก็ไปกินอาหารทะเลไงเหลือท้องไว้บ้างสิใบหน้าหวานมุ่ยสนิทหันไปมองป้าแม่ค้าขายปลาหมึกที่มองหน้าเขาสองคนนิ่งสายตางุนงงฉายชัดออกมาจากดวงตาสองข้างนั่นทำให้จุนโฮเพิ่งฉุกคิดขึ้นได้ว่า

พูดภาษาไทยไม่เป็นนี่หว่า

ใบหน้าหวานฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วชี้นิ้วไปที่กองปลาหมึกยี่สิบกว่าไม้ที่แยกออกมาให้ป้าแม่ค้าเป็นเชิงบอกว่าเอาทั้งหมดนี่

โอเคๆแม่ค้ารุ่นป้าเลิกลั่กพูดตอบพลางยกนิ้วขึ้นมาทำท่าโอเคแล้วพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงว่าเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาเส้นขีดสื่อออกมา

เดี๋ยวเราค่อยกลับมาเอาแล้วกันไปดูของอย่างอื่นกันก่อนเถอะเอ่อป้าครับเดี๋ยวผมกลับมาเอานะจุนโฮหันไปสะกิดชานซองก่อนจะหันกลับไปพูดกับป้าแม่ค้าขายปลาหมึกในประโยคหลัง

ป้าแกหันมามองงงๆแต่ก็ตอบว่าโอเคๆแล้วยกนิ้วทำท่าให้จุนโฮกับชานซองเลยพยักหน้าให้ยิ้มๆแล้วปลีกตัวเดินออกมาไปดูของร้านอื่น

ผู้คนที่เดินบนทางเท้านี้เยอะมากบ้างก็หันมามองพวกเขาอย่างสนอกสนใจบ้างก็ยกกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายแต่ก็ยังไม่มีคนไหนเดินเข้ามาหาตรงๆนึกโชคดีที่อาจจะไม่มีใครจำพวกเขาได้

แต่แล้วจู่ๆก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตัวพอๆกับจุนโฮปรี่เข้ามาหาเขาทั้งสองจากทิศทางไหนก็มิอาจทราบพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ทำเอาจุนโฮกับชานซองสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ

กรี๊ดดดดด!!! ใช่จริงๆด้วยกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดอปป้าาาา!!!” เสียงร้องแหลมปรี๊ดดังลั่นไปทั่วจนคนผ่านไปผ่านมาหันมามองด้วยสงสัย

จุนโฮผงะถอยห่างส่งยิ้มเจื่อนๆกลับไปให้เด็กคนนั้นชานซองที่ยืนอยู่ข้างๆก็อ้าปากหวอมองด้วยความตกใจกับพลังเสียงอันมหาศาล

จุนโฮอปป้า!! กรี๊ดดดดดดดดดชานนูนอกรี๊ดดดดดๆๆๆ

ดูท่าทางสติสตรังของเด็กผู้หญิงคนนี้ชักจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวซะแล้วเมื่อเธอเอาแต่หลับหูหลับตากรีดร้องใส่เขาทั้งสอง

จุนโฮเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อคนรอบๆตัวเขาเริ่มพุ่งสายตามาที่เขากับชานซองเด็กผู้หญิงที่ยืนซุบซิบมองเขาสองคนจากที่ไกลๆก็เริ่มพุ่งตัววิ่งเข้ามาหาเมื่อรู้ว่าเขาทั้งคู่เป็นใคร

ซวยแล้วไง

เอ่อคนมองเราเต็มไปหมดเลยอ่ะจุนโฮชานซองยืนเหงื่อตกเกาะแขนจุนโฮแน่นหันซ้ายหันขวามองไปรอบตัวก็เห็นผู้คนเริ่มให้ความสนใจเขากันยกใหญ่

จุนโฮน่ารักจังอ๊ายยยยยชานนูนอๆๆๆ

กรี๊ดดดด!! พวกพี่มาภูเก็ตกันทำไมไม่บอกมากันตอนไหนคะ!!”

อ๊ายยยยชานนูนอมาฮันนีมูนกันที่ภูเก็ตหรอกรี๊ดดดดดดดดดจะตายแล้วคร่าา

พี่จุนโฮคะพี่คุณมาด้วยมั้ยคะ

พี่ชานซองสูงจังโอ้ยยยยอิเหหห้จะเป็นลมหล่อจังค่ะอ๊ายๆ

น้องๆคะอย่าไปรุมจุนโฮกับชานซองสิคะ

สารพัดประโยคภาษาไทยที่ถูกพ่นออกมาจากปากของผู้หญิงหลายวัยที่รุมเร้าเขาทั้งสองจุนโฮเริ่มรู้สึกถึงภัยอัตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อมือไม้ของเด็กผู้หญิงพวกนั้นเริ่มปัดป่ายจับเขากับชานซองอย่างถือวิสาสะ

เอาไงดีชานซองหันมาขอความเห็นจากจุนโฮที่ยืนฉีกยิ้มให้เหล่าแฟนคลับอยู่ข้างๆ

เอาไงล่ะมาแบบนี้ก็วิ่งสิครับ!!”

สิ้นเสียงจุนโฮทั้งคู่ก็วิ่งป่าราบออกไปจากตรงนั้นทันทีเหล่าขบวนแฟนคลับต่างก็วิ่งตามแล้วแหกปากเรียกชื่อพวกเขายกใหญ่

เอาจริงๆเขาก็ไม่เชิงวิ่งหรอกแค่เดินเร็วมากๆต่างหากชานซองที่มีขายาวๆเป็นอาวุธคว้าข้อมือบางก้าวฉับๆเข้าซอยนั้นออกซอยนี้จนจุนโฮแถบจะบินได้ไม่ต่างอะไรจากวิ่งเลย.. 

เห็นทีฉายาชานซองยูเซนโบลต์ในคราวที่เจ้าตัวไปออกรันนิ่งแมนคงจะเป็นเรื่องจริงเมื่อหันมาอีกทีก็ไม่เห็นว่าจะมีใครตามมาแล้ว

พ้นแล้วหรอ..”

จุนโฮพูดออกมาอย่างหอบๆก้มลงนั่งยองๆกับพื้นใครจะคิดว่าจะเกิดแฟนคลับเป็นโขยงในที่แบบนี้กัน

คิดว่านะ..เห้ย!!”

และยังไม่ทันจะขาดคำกลุ่มแฟนคลับกลับวิ่งสวนมาอีกด้านราวกับว่าพวกเขาถูกไล่ต้อนให้มาทางนี้ลืมไป.. วิ่งหนีเจ้าถิ่นยังไงก็เป็นรองอยู่ดีสินะ..

ชานซองฉุดให้จุนโฮลุกขึ้นอีกครั้งและคราวนี้ไม่ใช่แค่เดินเร็วแล้วทั้งคู่วิ่งสุดแรงเกิดเสียงกรีดร้องยังคงไล้ตามหลังมาเรื่อยๆ 

กรี๊ดดดดดชานนูนอออออ

ชานนูนอพ่อทุกสถาบันนนกรี๊ดดดฮันนีมูนนน

กรี๊ดดดดดดดดดดดด

สารพัดถ้อยคำออกมาจากปากหญิงสาวชาวสยามไม่หยุดหย่อนไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งวิ่งทั้งตะโกนชานซองเลี้ยวเข้าไปในตลาดใกล้ๆแทรกตัวเข้าไปตามตรอกแคบๆเหมือนในหนัง 


ชาน! ปล่อยมือ!”

จุนโฮขืนตัวเองไว้ทั้งๆที่กำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางฝูงซอมบี้ก็ไม่ปาน 

อะไร! ทำไม!?”

มันวิ่งลำบากเข้าใจไหม! ฉันจะวิ่งตามนายให้เวลาห้านาทีพาฉันออกจากตรงนี้! เดี๋ยวนี้!!”

เสียงหวานตะโกนแข่งกับเสียงกรี๊ดได้ยินแบบนั้นชานซองจึงยอมปล่อยมือออกไม่ต้องใช้เวลาคิดนานก็รู้ว่าจุนโฮกำลังสั่งให้เขานำไปในที่ที่ไม่มีแฟนคลับภายในห้านาที..

ชานซองอาศัยตาโตๆของตัวเองกวาดไปทั่วเพื่อหาพื้นทีที่พอจะให้เขากำจุนโฮหลบได้ชั่วคราวเพราะถ้าขืนวิ่งอยู่แบบนี้คงได้วิ่งยันเที่ยงคืนแน่ๆ 

อู่ซ่อมรถเก่าๆที่ห่างออกไปไม่ไกลนักทำให้ร่างสูงสปีทตัวเล็กขึ้นจุนโฮเองก็สาวเท้าตามมาไม่ห่างชานซองวิ่งอ้อมร้านขายของชำเพื่อเบี่ยงความสนใจจังหวะที่จุนโฮวิ่งตามมามือหนาคว้าเอาเอวอีกคนเข้ามาจนล้มระเนระนาดเข้าไปในร้านพลางฉุดให้ลุกขึ้นวิ่งไปทางประตูหลังด้วยความรวดเร็ว 

มือหนากำข้อมือเล็กแน่นอีกครั้งแต่คราวนี้ชานซองทำแค่กระตุกมือให้เดินตามมาช้าๆเพราะแฟนคลับส่วนใหญ่วิ่งเลยร้านขายของชำไป 

นายจะไปไหนเดินไปทางนั้นก็มีแฟนคลับดักอยู่ดี

ตรงอู่นั้น..เร็ว..”

อู่ซ่อมรถอยู่ระหว่างทางก่อนจะถึงที่แฟนคลับพากันยืนออเมื่อไม่เห็นไอดอลสุดหล่อคนตัวโตค่อยๆย่องเข้าไปในอู่นั้นช้าๆมีรถตู้เก่าๆจอดอยู่และประตูมันถูกเปิดทิ้งไว้.. 

เข้าไปในนั้นก่อน..”

ชานซองดันไหล่เล็กให้เข้าไปก่อนแล้วถึงเดินตามขึ้นไปพลางกดหัวทุยให้ก้มลงเล็กน้อย 

แฟนคลับยืนอยู่เพียบเลย.. 

ต้องอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย..”

จุนโฮทรุดตัวนั่งลงบนพื้นรถแทนที่จะนั่งบนเบาะอย่างน้อยหัวก็ไม่น่าจะโผล่ให้แฟนๆเห็นละนะ 

สักพักละมั้งเดี๋ยวก็คงเหนื่อยหายไม่เจอแล้วกลับเองแหละ

คนตัวโตเบียดตัวลงไปตามอีกคน 

อ้วน.. จะเบียดทำไมเนี่ย” 

กระซิบเบาๆพลางดันชานซองออกเล็กน้อยจนคนตัวโตหน้ามุ่ย 

ก็คนมันตัวสูงนี่เขยิบไปหน่อยไม่ได้รึไง

ไม่เอาไปนั่งข้างหลังเลยไป

โผล่หัวตอนนี้มีหวังแห่กันมาพอดีอะดิ!”

เสียงกรี้ดกร้าดดังแว่วเข้ามาจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจชานซองสะกิดให้จุนโฮเงียหูฟังก่อนคนตัวเล็กเลยจำใจต้องเบียดตัวชิดอีกฝั่งของรถอย่างช่วยไม่ได้ 

มันเป็นเรื่องยากมากทีเดียวที่จะยัดผู้ชายมวด 80 กิโลในที่แคบๆอย่างฮวางชานซองได้ 

หายไปไหนแล้วนะเมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย

หาคนหน้าขาวดิแกแอร้ยยพี่จุนโฮสวยมากอะะฮือออ

พี่ชายก็สูงมากกโอ้ยยเห็นแล้วจะเป็นลม

ถึงจะแปลความหมายไม่ออกจากชื่อของพวกเขาก็เด่นชัดได้ยินเต็มสองรูหูหนำซ้ำยังได้ยินอะไรชานนูนอๆอยู่ไม่ขาดคงไม่พ้นเรื่องคู่จิ้นอีกแน่นอน.. 

ฮึ้ยย..ชานนูนอ.. ไม่เป็นความจริงซักนิด..”

ร่างเล็กบ่นงึมงัมอยู่คนเดียวพร้อมกับนั่งกอดอกเอาจริงๆแล้วเขาควรจะชินได้แล้วกับเรื่องพวกนี้ตลอดเวลาห้าปีที่ถูกจับจิ้นกับฮวางชานซอง.. 

แล้วเป็นไง.. 

มันกลายเป็นอย่างที่แฟนคลับมโนซะจนได้.. แต่ดันเป็นฝ่ายเขาเองคนเดียวที่คิดไปเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน

เป็นอะไร

หน้าตาหงุดหงิดของจุนโฮทำเอาชานซองต้องเอยปากถามและคำตอบที่ได้ก็เป็นแค่หน้าตาบึงตึงของคนตัวเล็กเท่านั้น 

หงุดหงิดเรื่องเราหรอ?”

เรื่องเรา? คำนี้พอได้ยินแล้วมันแปลกๆถึงจะเข้าใจว่าชานซองหมายความว่าเรื่องคู่จิ้นนั้นก็ตาม 

นายไม่หงุดหงิดบ้างรึไงเล่า.. นายถูกจับคู่กับฉันนะ..”

เสียงพูดคุยของเหล่าไทยฮอตเทสยังจอแจไม่ห่างนั้นยิ่งทำให้เขาต้องคิดเรื่องนี้แบบจริงๆจังๆ 

ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่.. เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้เราสักหน่อย

ฉันหมายถึงนายพอใจหรอที่ใครต่อใครต่างมองว่าเราสองคน..เป็น..มากกว่าเพื่อนน่ะ

ใบหน้าหวานก้มหน้ามองเท้าตัวเองในขณะที่พูดไม่เคยมานั่งพูดอะไรตรงๆแบบนี้นี่นา.. เห้ย.. แล้วทำไมต้องพูดเรื่องนี้เวลานี้ด้วยวะ.. จุนโฮเอ้ยย..

แล้วนายคิดว่าไงละ

“…หมายความว่าไง?”

นายชอบไหม? ชานนูนอ?”

ห้ะ.. 

จุนโฮช้อนมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา 

ไอ่บ้าถามอะไรของนายนะพิลึก

อืมม.. ก็แค่เหวี่ยงงกลบอาการอย่างที่ชอบทำนั้นแหละ.. 

เอ้า..ก็ถามอะดูดิข้างนอกยังพูดกันไม่หยุดเลย..”

ไม่ชอบคุณนูนอยังน่ารักกว่าเลย

ชอบคุณฮยองหรอ?”

“..เป็นอะไรเซ้าซี้อะไรเนี่ย

คุณนูนอกับชานนูนอชอบอะไรมากกว่ากัน

อึก..

เขาเคยสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือว่าถ้าเลือกได้เขาอยากจะเป็นแฟนคุณฮยองแต่อยากแต่งงานกับชานซอง.. ตอนนี้คำตอบนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่.. แต่คนหมีงั่งตรงหน้าไม่เคยรับรู้เลยน่ะสิ..

ไม่รู้หรอกไม่เคยลึกซึ้งขนาดนั้นนิ

และก็เป็นอีกครั้งที่เขาตอบปัดพลางหันหน้าหนีไปสนใจเศษดินเศษไม้แทนพูดถึงเรื่องนี้แล้วมันอารมณ์เสียพึ่งหายนอยด์จากเรื่องคราวก่อนไม่กี่วันเองนะ 

ลองไหม..”

สิ้นเสียงทุ้มปากหยักกดลงไปบนกลีบปากสีหวานช้าๆโดยที่จุนโฮไม่ทันได้ตั้งตัวมือหนาเชยคางอีกคนขึ้นเพื่อให้รับจูบจากเขาได้ถนัดมือหลับตาแน่นมือบางยกขึ้นเกาะไหล่หนาทันทีชานซองบดเบียดสัมผัสร้อนเข้าหาจุนโฮเรื่อยๆดูดดึงกลีบปากนุ่มสนุกปากลิ้นชื้นดุนดันให้คนตัวเล็กเปิดปากออก

แกชานนูนอมาสวีทกันจริงป่าว้ะ

ปากบางเผยอเปิดออกเพราะลมหายใจติดขัดแต่กลับไม่ได้ทำให้เขาหายใจได้ถนัดขึ้นเลย.. ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปคลอเคลียลิ้มรสโพรงปากหวาน 

มากันสองคนก็ต้องมาสวีทกันดิแอร้ยยย

อื้ออ..”

ฝ่ามือหนาดันท้ายทอยคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ในขณะที่จุนโฮยกมือโอบรอบคอชานซองอย่างเผลอตัว 

ไม่มั้งชานนูนอเขาเป็นแค่เพื่อนกันน่าาา

อืมม..อือ

ใบหน้าคมขยับเปลี่ยนองศาไปมาดูดเม้มหยอกล้อเบาๆจนคนตัวเล็กต้องระบายอารมณ์ผ่านการจิกไหล่หนาเข้าแรงๆ

อย่างน้อยได้เห็นเขาสองคนอยู่ด้วยกันก็ฟินแล้วแก

จุนโฮหน้าแดงซ่านก่อนเป็นฝ่ายผลักชานซองออกเพราะหายใจไม่ทันร่างเล็กตัวสั่นเล็กน้อยและหอบแฮ่กจูบแรกของเขากับผู้ชายและผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองผิดมากมั้ยถ้าเขาจะคิดเกินเลยกับจูบเมื่อครู่แล้วชานซองล่ะจะคิดเหมือนที่เขาคิดหรือเปล่า

นะนายจูบฉันทำไมจุนโฮรวบรวมความกล้าของตัวเองมองหน้าชานซองที่ยืนนิ่งอย่างไม่เข้าใจ

ก็ทวงสัญญาที่ปันหยีไงที่บอกว่า…” ยังไม่ทันจะได้อธิบายให้จบจุนโฮก็เหวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ถ้าทำเพราะสัญญาโอเคถือว่าหายกันลืมจูบนั่นไปซะเพราะฉันไม่รู้สึกอะไรเลย

นูนอนายกำลังหลอกตัวเองอยู่นะถ้าจุนโฮไม่รู้สึกอะไรตอนนี้ทำไมต้องหลบตาเขาด้วย

หลอก? ฉันไปหลอกตัวเองตอนไหนอย่ามารู้ดีเรื่องตัวฉันหน่อยเลยนายน่ะมันโง่นายไม่เคยรับรู้อะไรแม้แต่นิดเสียงของจุนโฮสั่นเครือทั้งน้อยใจทั้งเสียใจในใจเต็มไปด้วยความสับสน

นายรู้ได้ไงว่าฉันไม่เคยรับรู้เรื่องของนายนายนั่นแหละที่ไม่เคยรับรู้เรื่องของฉันว่า..”

ว่าอะไรพูดให้มันจบๆ

ทำไมต้องขัดจุนโฮคนขี้เหวี่ยง

ว่าฉันอยากให้ชานนูนอคือเรื่องจริงไม่ใช่แค่เรื่องที่แฟนคลับจินตนาการไปเอง

ฝันอยู่หรือเปล่านะออกมาจากปากชานซองจริงๆหรอ

ส่วนเรื่องจูบนายจะคิดว่าทวงสัญญาก็ได้แต่ที่ฉันทำแบบนั้นลงไปฉันบอกเลยไม่ใช่เพราะสัญญาอะไรนั่นหัวใจของฉันมันสั่งให้ฉันทำแม้ไม่ได้อะไรตอบแทนมันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยนายจะเกลียดฉันก็ได้ที่ฉันคิดกับนายแบบนี้แต่ฉันรู้สึกแย่กับความสัมพันธ์ที่มันไม่เคลียร์ฉันต้องบอกให้นายรู้ว่าฉันไม่เคยมองข้ามความรู้สึกนายเลยตรงกันข้ามฉันกลับใส่ใจนายนายเองต่างหากที่ไม่ยอมรับรู้ถึงความรู้สึกที่ฉันมีให้นาย

อยู่ๆชานซองก็โพล่งในสิ่งที่เก็บไว่ในหัวตลอดหลายวันที่ผ่านมา หลายวันที่เขาออกอาการหึงหวงจุนโฮอย่างเห็นได้ชัด หลายวันที่ทำให้เขารู้ใจตัวเองมากขึ้น..

“…”

ฉันให้นายกลับไปคิดต่อว่าเรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อไปแค่นี้แหละที่ฉันอยากจะพูดชานซองเสยผมขึ้นเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถตู้เริ่มร้อนขึ้นไม่รู้เป็นเพราะอากาศหรือเพราะใจเขากันแน่ที่ร้อนก็พูดไปแล้วนี่เอากลับคืนไม่ได้แล้วด้วย

ชานซองมนุษย์หมีที่ชอบทำหน้ามึนตลอดเวลาพูดอะไรแบบนี้ได้ด้วยหรอเนี่ย

นาย.. เฮ้เดี๋ยวสินายจะไปไหนยังไม่ทันที่จุนโฮจะพูดจบประโยคชานซองก็เปิดประตูรถตู้ก่อนจะหันมาหาจุนโฮ

ฉันจะออกไปดักแฟนคลับก่อนแล้วนายค่อยๆกลับไปที่โรงแรมนะระวังตัวด้วยอย่าให้ใครตามนายเข้าใจมั้ยเจอกันที่ล็อบบี้โรงแรมชานซองเดินก้าวออกมาจากรถตู้ตอนนี้แฟนคลับหายไปหมดแล้วแต่เขาคิดว่าแฟนคลับน่าจะซุ่มอยู่ไม่น่าไปไหนไกลเขาเดินไปทางร้านขายของที่หนีจากบรรดาแฟนคลับเมื่อครู่เพื่อต้อนให้แฟนคลับมาเจอเขาคนเดียวดีกว่าให้รุมทั้งเขาทั้งจุนโฮก็คนมันหวงนี่หน่า

.

.

.

หน้าโรงแรม

บักหูดากบักงามไส้บักบักจั๊กสิหาคำมาเว้าหยั่งมาว่าเนาะไปหูดำใส่ผู้สาวมันน่าเตะตัดขาบ่นี่หือมินจุนเปิดฉากพ่นคำบ่นด้วยสำเนียงบ้านเกิดใส่คนตัวแสบทันทีหลังจากที่พยายามอดทนมานานทนไม่ได้แล้วโฟร้ยยยยยยย

ขอซับเกาหลีสำเนียงโซลผมฟังไม่ออกฮยองผมแค่คุยนะไปหูดำหูกางใส่ตรงไหนพูดดดดดดแทคยอนผู้แกล้งทำเป็นใสซื่อขมวดคิ้วเพื่อให้สมบทบาทพลางแอบลอบยิ้มด้วยความสาแก่ใจนี่แหละที่อ๊คต้องการถึงจะโดนเฉ่งหูบานกว่าเดิมโดนทุบตีสารพัดแต่มันก็คุ้มชัดเลยแผนโฮมมี่นิคคุณได้ผลกลับไปต้องไปจุ้บเหม่งเพื่อนรักสามทีรัวๆ

เอ๊ะอย่ามาเถียงข่อยเด้นี่ย๊าห์! ก็เห็นๆอยู่ที่หาดเผลอไม่ได้มินจุนกอดอกฮึดฮัดไปอีกทาง

แอ๊ะหึงเค้าอะเด้กิ้วๆๆๆแทคยอนเริ่มต้นการง้องอนด้วยท่าที่คิดว่าน่ารักที่สุดทันทีท่าแมวเหมียวเมี้ยววววววว >w<

ป้าบ!! ฝ่ามือพิฆาตไปอีกจากมินจุนฮยอง

แอ๊งงงงงงงอู้ยแสบบบบผมเจ็บนะฮยองมีอะไรไปเคลียร์กันที่ห้องเถ๊อะผมอายคนเขามินจุนผู้ได้สติจากพิษรักแรงหึงหันไปมองบริเวณรอบๆนี่มันหน้าโรงแรมคนเดินผ่านไปผ่านมาต่างมองแทคยอนและมินจุนด้วยสายตาที่มึนงงระดับสิบจะเข้าไปห้ามก็ไม่กล้าแม้แต่รปภ.เองก็ได้แต่ยืนเกาหัวแกร่กๆ

พูดให้มันเคลียร์ๆหน่อยเกิดแถวนี้มีคนฟังเกาหลีออกเขาเอาไปตีความผิดๆพอดีไป๊! ขึ้นห้องเอ็งตายยยยยยยพูดจบประโยคมินจุนเริ่มวิ่งไล่กึ่งเตะแทคยอนทันทีไม่ทันได้เห็นสายตาและท่าทีขำของคนแถวนั้นแอบมีแฟนคลับอยู่ในนั้นเธอรีบรัวแฟนแอคลงทวิตทันที

แฟนแอคอ๊คเค : เจอแทคกับพี่คิมหน้าโรงแรมที่มาพักร้อนพอดีกรี๊ดดดโชคดีมากๆแทคกับพี่คิมเล่นตีกันตลกมากไม่รู้งอนอะไรกันแต่แทคง้อพี่คิมน่ารักอ้ะ >_<’

อ๊ควิ่งดิอ๊คแว้กกกกกกกกกกกบักอ๊คตายแน่ตายแน่บักอ๊คคคคคคคคแทคยอนติดสปีดแบบตอนไปแข่งวิ่งกีฬาไอดอลอย่างรวดเร็วอ๊คสู้ตรั่ยยยยยยปู่แดกูทำอะไรไม่ได้หร้อกกกกรายนั้นเข่าทรุดวิ่งให้ทันนะฮยองครุคริครุคริ

——————–

มาแล้วเด้อ นานมาก 555 แต่ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

แล้วก็อย่าลืมเรียงเลขให้ด้วยจ้าา จุ้บบบ

 

writer : wakkks , rainstill , AatbWoo , Yochan , PaiPOPcoRn , Peachyhachi
tag : #เดอะรูมเมท

 

—————————————————————

 

 

 

“สะ..เสียงอะไรอ่ะชานซอง” จุนโฮกลัวจนเผลอกระชับมือเสียจนแน่น ฝ่ายชานซองเมื่อหลุดออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่ง!? ของอ๊คแทคยอนได้ก็พลิกตัวมาดึงจุนโฮเข้าไปกอด

“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ฉันอยู่ตรงนี้แล้วไง” มือหนาจับหัวจุนโฮให้ซุกเข้าไปในอ้อมอกของตน ใบหน้าหวานจมลงไปในอกแกร่ง รู้สึกได้ถึงลมหายที่เริ่มติดขัด หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวอยู่ในอกข้างซ้าย แล้วอย่างนี้อีจุนโฮจะหลับลงได้ยังไง

 

“นอนแบบนี้เราจะไม่อึดอัดเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถาม

“ไม่หรอก ฉัน….ว่า…มันก็อบอุ่นดี” ชานซองตอบเสียงเรียบ เพียงแค่ประโยคสั้นๆเพียงเท่านี้ก็ทำให้รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนใบหน้าของจุนโฮ มือเล็กเลื่อนไปโอบเอวชานซอง ก่อนจะกระชับกอดเสียจนแน่น คืนนี้ต่อให้ฝนจะตกฟ้าจะร้องจุนโฮก็จะไม่กลัวอีกต่อไปแล้วล่ะ คิดได้เช่นนั้นความง่วงก็เริ่มเข้าครอบงำจุนโฮจนค่อยๆจมเข้าสู่ห้วงนิทรา

 

.

.

.

 

ตีสาม…

คิมมินจุนกระสับกระส่ายไปมา ปวดฉี่ว้อยยยยยยยย ไม่น่าเลย ไม่น่ากินน้ำเข้าไปก่อนนอนเยอะขนาดนั้น แต่ไม่กล้าไปอ่ะ คิมกลัววววว ไอ้จะอั้นไว้จนถึงเช้าก็ไม่ไหวอ่ะ อ็อคตอเค

 

มินจุนลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืด หันไปทางขวากะว่าจะปลุกคิมนิคคุณ แต่อย่าเลย…เห็นนอนกอดกับอูยองไม่อยากไปขัดขวางความสุขคนอื่นมันบาป หันไปทางซ้ายว่าจะปลุกจุนโฮ อุ้ย…อย่าเลยน้องๆกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอย่าเลยดีกว่า เหลือคนสุดท้าย…. มินจุนค่อยๆเคลื่อนกายลงจากเตียงเดินไปหาแทคยอนที่กำลังนอนกรน มือเรียวสะกิดที่บ่าแทคยอนเบาๆ

 

“หือ? อะไรอ่ะฮยอง ปลุกทำไม?”

“ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย”

 

“ไปเองดิฮยอง ผมง่วง” พูดจบ แทคยอนก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดหัว บ๊ะ!!! ไอ้นี่ไม่มีน้ำจิตน้ำใจกันเลยว้อย เออๆ ไปเองก็ได้ แมร่งไอ้ @#%&*(%$

 

มินจุนเดินกระฟัดกระเฟียดไปที่หน้าห้องน้ำ ประตูไม้สีน้ำตาลปิดสนิทและหลังประตูบานนั้นก็เงียบเชียบเสียจนน่าขนลุก มือเรียวค่อยๆหมุนลูกบิดและผลักประตูเข้าไปช้าๆ เสียงบานพับฝืดๆดังขึ้นจนมินจุนรู้สึกใจไม่ดี เอื้อมมือไปที่สวิชท์ไฟข้างๆกำแพงเพื่อเพิ่มแสงสว่างแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเมื่อแสงไฟในห้องน้ำไม่สว่างมากนักเพราะฝุ่นที่เกาะตรงหลอดไฟ

 

ให้ตายเถอะคืนละ800 ความประทับใจติดลบต่อให้คืนละ50แถมอาหารเช้ากลางวันเย็นก็จะไม่มีทางมาพักอีกเด็ดขาด มินจุนค่อยๆแง้มฝาชักโครกขึ้นก่อนจะทำธุระส่วนตัว ด้วยความกลัวเขาก็เลยฮัมเพลงคลอไปด้วย แต่ทันใดนั้นเสียงที่ดังสะท้อนภายในห้องน้ำกลับกลายเป็นว่าไม่ได้มีเพียงเสียงเขาคนเดียว

 

มินจุนหยุดฮัมเพลงเพื่อจะเงี่ยหูฟัง พอมินจุนหยุดเสียงนั้นก็หยุดไปด้วย เขารีบทำธุระส่วนตัวก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ ทันทีที่เดินออกจากห้องน้ำก็เห็นแทคยอนลุกขึ้นนั่งที่เตียง เขากำลังจะเปล่งเสียงเรียกแต่ก็มีมือหนาปิดปากของเขาก่อนจะลากเขากลับเข้าไปในห้องน้ำ

 

“อื้ออออออ” มินจุนร้องก่อนจะสะบัดตัวออกให้หลุดอ้อมกอดปริศนา

“ชู่วววววววว” เป็นแทคยอนเองที่ลากมินจุนกลับเข้ามาในห้องน้ำ เฮ้ออออออโล่งอกตกใจแทบตาย แต่เดี๋ยวนะ…

 

“แทคเมื่อกี้นายนั่งที่เตียงไม่ใช่เหรอ” เอ่ยถามเสียงสั่น มินจุนไม่ได้ตาฝาดเขาเห็นแทคยอนนั่งที่เตียงจริงๆ แต่ตอนนี้คนที่อยู่กับเขาตรงนี้ก็คือแทคยอน แล้วคนไหนคือแทคยอนล่ะ?

 

“ฮยองก็เห็นเหรอ?”

“เห็น? สรุปนี่ใช่แทคยอนหรือเปล่า?”

 

“ผมอ๊คแทคยอนครับ ผมลุกขึ้นมาดูฮยองเนี่ย ปลุกผมแล้วผมนอนต่อไม่ได้” แทคยอนพูดพลางนั่งลงที่พื้นห้องน้ำ ก่อนจะดึงแขนมินจุนให้นั่งข้างกัน

“แล้วที่ฉันเห็นเมื่อกี้…” มินจุนกลืนน้ำลายดังเอื้อกก่อนจะจ้องหน้าแทคยอนตาไม่กระพริบ

 

“อันนั้นผมไม่รู้ ผมยืนรอฮยองที่หน้าห้องน้ำพอหันกลับไปก็มีคนมานอนที่เตียงแล้ว ผมยืนนับคนตั้งนาน บนเตียงมีห้า รวมผมกับฮยองก็เป็น7”

“ล่ะ….แล้วใครเกินมาล่ะ?” มินจุนตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

 

“เราจะเอายังไง ฉันไม่กล้าออกไปแล้วนะเกิดเปิดประตูออกไปจ๊ะเอ๋แล้วจะทำยังไง ฉันช็อคตายแน่ๆ”

“เห็นทีเราคงต้องรออยู่ในนี้จนกว่าจะเช้าแล้วล่ะ ตอนนี้ก็ตีสามกว่าๆ ซักหกโมงที่นี่ก็น่าจะสว่างแล้วล่ะ” แทคยอนเอ่ย ตาคมเหลือบไปเห็นมือเรียวกำลังสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามินจุนฮยองของเขากลัวผีมากแค่ไหน เขาเอื้อมมือไปจับมือมินจุนไว้กระชับบีบจนแน่นหวังคลายความตื่นกลัวให้อีกฝ่ายได้บ้าง

 

“แทค….ฉันกลัว” มินจุนพูดพลางเขยิบเข้ามาใกล้แทคยอนจนไหล่เบียดชิดกัน แทคยอนสอดมือเข้าไปที่ด้านหลังของมินจุนก่อนจะโอบเอวอีกฝ่าย

“ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่แล้ว ถ้าผีโผล่มาผมจะปกป้องฮยองเอง”

 

“ย่าห์ เขาห้ามพูดคำนั้นนะ มันเหมือนเรียกให้เขามา เข้าใจบ่นี่” มินจุนหันไปดุคนข้างกาย

“ครับผม” แทคยอนยิ้มบางๆให้อีกฝ่าย ดวงตาคมสบเข้ากับดวงตาของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง เป็นเช่นนั้นเนิ่นนานไม่อาจละสายตาได้เลย ความรู้สึกเมื่อตอนเย็นกลับมาอีกครั้ง ราวกับมีแรงดึงดูดใบหน้าคมค่อยๆโน้มเข้าไปใกล้อีกฝ่ายช้าๆ

 

ลมหายใจของแทคยอนเป่ารดอยู่ใกล้ๆจนมินจุนรู้สึกได้ ริมฝีปากหนาค่อยๆประทับลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย แผ่วเบาแต่ทว่าเนิ่นนาน ริมฝีปากหนางับริมฝีปากบางเบาๆราวกับกำลังหยอกล้ออยู่ มินจุนหลับตาลงช้าก่อนจะค่อยๆซึมซับความรู้สึกบางอย่างที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นมา ลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ แทคยอนค่อยๆผละออกช้าๆก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนแก้มนิ่มของอีกฝ่าย ฝ่ายมินจุนเมื่อได้สติก็เขยิบถอยห่างออกจากแทคยอน จดจ้องใบหน้าคมด้วยความไม่เข้าใจ

 

นี่….มันอะไรกัน? มินจุนลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ประตู

 

“มินจุนฮยอง ผมขอโทษ…” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มินจุนจะเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องไปทิ้งแทคยอนอยู่ในห้องน้ำเพียงลำพัง

 

“โธ่เว้ยยยยยย” แทคยอนเอ่ยอย่างหัวเสีย เขาไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ไม่น่าเลยจริงๆ แล้วเขาจะมองหน้าอีกคนยังไง เขาไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกชักนำการกระทำแบบนี้ ไม่ควรเลยจริงๆ ฝ่ายมินจุนเมื่ออกจากห้องไปแล้วก็ยังไม่เดินไปไหนไกล ร่างบางยืนพิงประตูห้องน้ำอยู่อย่างนั้น มือเรียวแตะริมฝีปากตัวเองแผ่วเบา พยายามหาคำตอบและคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่ให้ตนเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหาคำตอบได้

 

ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นเงาที่นั่งอยู่บนเตียงค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินมาทางเขาอย่างช้าๆ ทำไมต้องมาเกิดเหตุการณ์บ้าๆแบบนี้พร้อมกันด้วยละเนี่ย เลือกไม่ถูกเลยว่าต้องแคร์อันไหนก่อน แต่ว่า.. เรื่องลี้ลับละไม่สู้จริงๆ

 

ไวกว่าความคิดมินจุนตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำและเข้าไปทันที

 

“อ้าว” แทคยอนร้องทักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกลับเข้ามาอีกครั้ง

“อะ…เอ่อ…คนข้างนอกเขายังไม่ไป ขอ…อยู่ด้วยได้ไหม?” แทคยอนพยักหน้ารับ ทันทีที่แทคยอนพยักหน้ามินจุนก็วิ่งไปนั่งข้างๆแทคยอนและจับมือหนาไว้

 

“ฮยอง…เรื่องเมื่อกี้…”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ฮยองรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไรหรอก นายเห็นฮยองเป็นสาวๆเกิร์ลกรุ๊ปใช่ไหมล่ะ ไม่เป็นไรหรอกช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าคืนนี้อย่าเพิ่งออกไปกันเลยเนอะ มันเสี่ยงว่ะ” มินจุนร่ายอย่างยาวเหยียดพยายามทลายบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้ลง พยายามทำตัวให้เหมือนเดิมที่สุด

 

หัวเล็กค่อยๆเอนซบไปที่ไหล่ของแทคยอนก่อนจะหลับตาลง แทคยอนจ้องมองคนข้างๆที่พยายามข่มตานอน ขนตาเรียงกันเป็นแพยาว จมูกโด่งรับกับรูปหน้า ยิ่งมองก็ยิ่งแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง ว่าเขา…คงจะรู้สึกดีกับคนๆนี้เข้าเสียแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอีกคนคงไม่ได้คิดเช่นเขาเป็นแน่ แทคยอนค่อยๆเอนหัวลงไปซบกับหัวมินจุนปล่อยความคิดและความรู้สึกของตัวเองทิ้งไป เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะปล่อยเรื่องราวนี้ไว้ที่เกาะปันหยีนี้

 

พรุ่งนี้เขาจะเป็นอ๊คแทคยอนคนเดิม คนเดิมที่ไม่ได้คิดอะไรกับคิมมินจุนเลย แม้แต่นิดเดียว…..

 

ตาเรียวเล็กของอูยองค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ เขารู้สึกว่าเขานอนไม่ค่อยหลับนัก ก็จะเพราะอะไรซะอีกล่ะ นิชคุณฮยองเล่นนอนกอดเขาทั้งคืน นี่คนนะไม่ใช่ตุ๊กตาลูกเจี๊ยบ กอดซะแน่นเชียว อูยองมองนิชคุณที่หลับตาพริ้มอยู่แล้วยิ้มเบาๆ

 

ตึงๆๆๆ เสียงฝีเท้าเหมือนมีคนเดินไปเดินมารอบห้อง

 

เฮ้ย มีคนตื่นแล้วหรอ นี่กี่โมงแล้วเนี่ย…ตีห้า หะ ตีห้า ใครตื่นมาตอนตีห้า เป็นไปไม่ได้ หรือว่าจะเป็นแทคยอนฮยองที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำ ว่าแล้วอูยองก็จับแขนนิชคุณออกจากตัวเองอย่างเบามือที่สุดแล้วยันตัวเองลุกขึ้นมาเพื่อดูว่าใครที่ตื่นมาแล้วเดินไปรอบห้องแบบนี้

 

…เงียบกริบ…ไม่มีใครที่ไหนเดินอยู่ทั้งนั้น

 

บ้าน่า ได้ยินอยู่เมื่อกี๊นี้นะ หูไม่ได้ฟาดด้วย

 

อูยองเริ่มหันไปมองรอบตัว นิชคุณฮยองยังนอนอยู่ข้างเขา ชานซองกับจุนโฮก็นอนปกติดี เหลือแต่…แทคยอนฮยองกับมินจุนฮยอง ไปไหนกันนะ ถ้าจะให้ตื่นก่อนเป็นไปไม่ได้แน่ๆ สองคนนี้ขี้เซายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

 

แต่ว่านะ.. ตีห้า จะมีผีหรอ.. ผีไม่ปรากฏตัวในเวลานี้หรอกมั้ง..

พยายามปลอบใจตัวเองพลางกวาดสายตาไปทั่ว ก่อนจะไปสะดุดที่มุมห้องด้านล่างของกรอบรูปนั้น.. เงาตะคุ่มๆมืดๆทำให้อูยองต้องหรี่ตามองเพราะพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น

 

“แทคฮยอง.. มินจุนฮยอง.. อยู่ตรงนั้นรึเปล่าน่ะ..”

โพล่งถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ถ้าไม่ติดว่าชานซองกับจุนโฮยังนอนอยู่เขาอาจจะลุกไปเปิดไฟเพื่อดูให้เห็นกันไปเลย อย่ามาหลอนๆแบบนี้ ของร้อง..

 

“อูยอง..”

 

เฮือก..!

คนตัวเล็กสะดุ้งเพราะสัมผัสอุ่นที่ไหล่ซ้าย อูยองเด้งตัวออกจากเตียงทันที

 

“ฉันเอง”

นิชคุณฉุดข้อมือเล็กให้ขยับเข้ามาใกล้โดยอูยองก็ถอยร่นไปติดกับคนเป็นพี่ง่ายๆ

“คุณฮยองตรงนั้นมะ..”

 

“ชู่ว.. อย่าทัก..”

เสียงใสกลืนคำพูดของตัวเองลงไปทันทีที่ได้ยินคำเตือนแบบนั้น นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมประเทศไทยลี้ลับน่ากลัวขนาดนี้

 

“แทคยอนกับมินจุนฮยองอยู่ไหน”

“ผมไม่รู้ฮะ..”

นิชคุณนิ่งเงียบจ้องเงาดำตรงมุมห้องไม่วางตา

 

“ไปปลุกสองคนนั้นเร็ว”

อูยองเลิกลัก ขยับตัวขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งช้าๆเพราะคำสั่ง มือเรียวออกแรงสะกิดแขนใหญ่ๆของชานซองสองสามที่แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกตัว เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปเขย่าไหล่เล็กในอ้อมกอดนั่นเบาๆ

จุนโฮขยับตัวเล็กน้อย พร้อมกับดวงตาเรียวค่อยๆเปิดออก อูยองใช้นิ้วแตะที่ปากตัวเองเบาๆเป็นเชิงบอกให้เงียบ เจ้าของเรือนผมสีม่วงอ่อนขมวดคิ้วมุ่นเพราะความสงสัย

 

“ตรงนั้น..”

หันไปมองตามที่เพื่อนตัวเล็กพยักพเยิดไปก็ถึงกับผงะ สะกิดคนข้างตัวรัวๆ แต่แน่นอนว่าชานซองคนขี้เซาคงไม่ตื่นง่ายๆ โธ่เว่ย เดี๋ยวก็ปล่อยให้นอนกับผีเลยนี่

 

“ชานซอง ตื่นเร็ว..”

กระซิบเบาๆพร้อมกับเขย่าตัวอีกคนเลยๆแต่ก็ยัง.. นิ่ง.. จุนโฮแทบจะตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่ ทำไมตื่นยากขนาดนี้นะ นิชคุณกับอูยองเองก็ยื่นลุ้นรออยู่ห่างๆ เขาคิดว่าถ้าชานซองตื่นจะรีบเก็บของเผ่นออกจากห้องพักนี้ให้เร็วที่สุด

 

“ชานซองตื่นเดี๋ยวนี้นะ! จะไม่กลับรึไง”

เริ่มตะเบ็งเสียงดังขึ้นมาอีกระดับ ร่างสูงทำแค่ตอบรับในลำคอเบาๆเท่านั้น เอากับเขาสิ.. ขี้เซาไม่เลือกสถานที่เลยจริงๆ

 

กึกก..

เสียงสั่นของประตูห้องน้ำตอกย้ำความน่ากลัวมากกว่าเดิม จุนโฮเหงื่อแตกพลั่กก่อนจะตัดสินใจก้มลงไปกระซิบข้างหูเจ้าหมีตัวดี

 

“ถ้าตื่นตอนนี้ ฉันจะยอมนายทุกอย่างเลยนะ..”

 

พรึ่บ..!

ชานซองเด้งตัวขึ้นมาแทบจะทันทีเพราะเสียงหวานแบบนั้น

 

“นายพูดแล้วนะ”

“ทำไมถึงนิสัยแบบนี้เนี่ย ฮึ้ย..”

ว่าแล้วก็คว้าเอาข้อมือหนาให้ลุกออกมา ขยับตัวไปชิดกับนิชคุณและอูยอง ฝ่ายชานซองที่พึ่งสังเกตถึงความผิดปกติก็อุทานออกมา

 

“แม่เจ้า..”

จากที่ยังง่วงๆกับอาการนอนไม่เต็มอิ่มก็ตาสว่างขั้นมาทันที

 

“เอาไงต่อฮะคุณฮยอง..”

“เขาอาจจะมาดีก็ได้ แต่..รีบออกไปตอนนี้คงจะดีกว่า แทคยอนกับมินจุนฮยองละ..”

กึกๆๆๆๆ กึกๆๆๆๆๆๆ

 

“แม่งเอ้ยยยย เปิดซิฟะ เปิ๊ดดดดด” มินจุนกระฟัดกระเฟียดใส่กลอนประตูห้องน้ำ อยู่ๆมาเปิดไม่ออกอะไรตอนนี้ หรือจะเป็นฝีมือของ…นั่นแหละ พุธโธ ธัมโม สังโฆ ให้คิมมินจุนเปิดประตูออกเถอะครับท่าน เก๊าไม่สนุกด้วยนะ T.T

“ฮยอง เกิดอะไรขึ้น” แทคยอนงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงกุกกักๆอยู่พักใหญ่

“ประตูห้องน้ำเปิดไม่ออก”

“หื้ม? จะเป็นไปได้ไงฮยอง ไหนขอผมดูหน่อยซิ” แทคยอนเบียดมินจุนเล็กน้อย มินจุนเงยหน้ามองคนร่างใหญ่อย่างงงๆ

 

กึกๆๆๆๆ

 

เวรกรรม เปิดไม่ออกจริงๆด้วย ขุ่นพระ!!!! อ๊คผิดอะไรรรรรร ทำไมประตูไม่เปิดให้อ๊คคคคคค

“เราจะทำยังไงกันดีวะแทค ตะโกนเรียกเด็กๆให้พังเข้ามาม้ะ”

“พวกนั้นจะตื่นกันหรือยังเถอะฮยอง นี่ยังเช้ามืดอยู่เลยนะ แดดไม่ส่องก้นก็ไม่ตื่นกันหรอก นอกจากอูด้ง”

“ก็ฉันถึงบอกให้ตะโกนเรียกไงฟะ โอ้ยยยยไอ้แทค นายมันสอบโทอิคเต็ม 990 คะแนนจริงหรือป่าววะ เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้”

“แหมะ ว่าแต่เค้า ฮยองอ้ะกล้าออกไปคนเดียวหร๊อ เห็นยังกลัว…”

“หยุดๆๆ อย่าเรียกเขา เดี๋ยวเขามา ไอ้บ้าเอ้ย”

 

 

 

เสียงนี้มันดังมาจากห้องน้ำ ดังเป็นรอบที่สองแล้วด้วย

ทั้งสี่คนต่างเข้ามาชิดกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ไหนจะเสียงแปลกๆ ไหนจะเงาตะคุ่มๆตรงนั้นอีก คิดถูกคิดผิดเนี่ยที่เลือกมานอนที่นี่ ให้ตายสิพับผ่า แทคยอนเอ๊ยยยย จะเลือกที่พักก็ไม่ได้ดูให้ดีๆเล้ย นิชคุณได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอาเพื่อนสนิท

 

ฮือออออออ ฮึก ฮือออออออออออออออ

 

“จุนโฮ นายร้องไห้ทำไม” ชานซองกระซิบกระซาบกับจุนโฮ ถึงตอนนี้ห้องจะมืดแต่เขาเห็นว่าจุนโฮตัวสั่นงึกๆ

“ป่าวซักหน่อย ไม่ได้ร้องนะ ฉันแค่กลัว”

“จับมือฉันไว้ นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”

“ย๊าห์ มันใช่เวลามาซึ้งมั้ยหะเจ้ามังเน่ ในสี่คนไม่มีใครร้องไห้ทั้งนั้นแหละ” อูยองอดแขวะขึ้นมาไม่ได้ มันใช่เวลามามุ้งมิ้งใส่กันมั้ยเนี่ย หมั่นไส้

“ไม่มีใครร้องไห้ แล้วใครร้อง?” นิชคุณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครืออยู่หน่อยๆ

 

ปังๆๆๆๆๆๆๆ

เฮือก!!!! เสียงมาจากห้องน้ำ!

“เฮ้ยยยยยย เด็กๆ ช่วยฮยองด้วยโว้ยยยยยยย ฮยองติดอยู่ในนี้”

“เสียงมินจุนฮยองนี่” อูยองวิ่งนำไปที่หน้าห้องน้ำ

“ย๊าห์ ใครที่เปิดประตูบ้านี่ออกได้ ฉันจะปิดร้านเนื้อย่างเลี้ยงเลยเอาเดะ” สิ้นเสียงประกาศกร้าวของแทคยอนปุ๊บ ชานซองเบียดทุกคนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำให้ถอยออกไปให้หมด

“ฮยองครับ ถอยห่างออกจากประตูก่อน ผมจะช่วยเดี๋ยวนี้” เทควันโดสายดำเชียวนะ ได้เอามาใช้ประโยชน์ถึงเกาะปันหยี น่าภูมิใจจริงๆฮวางชานซอง

 

1…2…3 ปึ่ง!!!

ฟู่วววววววว

ประตูพังแบบไม่ต้องสืบว่าฝีมือใคร

 

“ฮยองเข้าไปทำอะไรกันสองคนในห้องน้ำ?” อีจุนโฮปรี่เข้าไปขมวดคิ้วมองหน้าพี่ใหญ่สลับกับแทคยอนด้วยความสงสัย เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเดินตามกันออกมาจากห้องน้ำ

แต่มันใช่เวลามั้ยที่จะมาสงสัยอะไรกันตอนนี้??

 

“เอ็งอย่าเพิ่งมาสนใจข่อย” พี่ใหญ่พูดเสียงสั่น หน้าซีดเผือด สายตาจับจ้องไปที่เงาทะมึนที่มุมห้อง มันค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาหาพวกเขาที่ยืนรวมกันเป็นกระจุกอยู่หน้าห้องน้ำ

“นะ…นั่น” น้ำเสียงสั่นๆ ของอูยองดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้อง นิ้วเล็กๆ กำลังยกขึ้นชี้ไปที่ตัวการเขย่าขวัญ แต่กลับโดนชานซองดึงมือลงซะก่อน

 

หกร่างขยับตัวข้าหากันโดยอัตโนมัติ คนที่มีสติที่สุดคงเป็นนิชคุณ เพราะเขาเอาแต่ยืนจ้องเขม็งไปที่กลุ่มเงาดำๆ นั่นตาไม่กะพริบ แต่ภาษาแปลกๆ ที่พ่นออกมาจากริมฝีปากแดงกลับทำให้ห้าคนที่เหลือหันไปมองด้วยความงงงวย

“พุธโธ ธัมโม สังโฆ นะ..นะโมตะ..ตัสสะ ภะคะวะตะ..โต…”

“คุณฮยองพูดไรอ่ะ กำลังจะสื่อสารกับขะ…เขาหรอ” อูยองที่ยืนเกาะแขนนิชคุณอยู่เงยหน้าขึ้นไปถาม แต่ดวงตากลมโตของคนข้างๆ กลับเบิกกว้างกว่าปกติ ถ้อยคำตะกุกตะกักขึ้นเรื่อยๆ

 

“วะ…วิ่ง!!” แทคยอนตะโกนลั่นพร้อมกับขาที่ขยับวิ่งพรวดตรงไปที่ประตูห้องโดยอัตโนมัติ ซึ่งยังไม่ทันจะตะโกนได้จบประโยคดี ก็เปิดประตูหายออกไปจากห้องซะแล้ว

ห้าร่างที่เหลือพากันโกยอ้าวตามแทคยอนไปติดๆ เมื่อเงาดำทะมึนที่เคลื่อนเข้ามาปรากฏร่างสูงใหญ่ของผู้ชายเด่นชัด ถึงแม้จะยังมองไม่เห็นชัดเต็มสองลูกตาว่าลักษณะหน้าตาเป็นยังไงก็ตาม แต่ใครจะไปรออยู่ดูล่ะจริงมั้ย!!

 

ตึง!

เสียงสิ่งของล้มโค่นดังตามมาเมื่อแทคยอนที่วิ่งฝ่าความมืดออกไปเป็นคนแรกชนข้าวของบริเวณหัวบันไดล้มกระจัด กระจาดเสียงดัง ยิ่งสร้างความหวั่นผวาให้แก่เหล่าคนที่วิ่งตามมามิใช่น้อย

 

“ไอ้แทค!! มึงอย่ากลิ้งลงบันไดนะ!!” เสียงมินจุนดังแหวกอากาศขึ้นมาหลังสิ้นเสียงสิ่งของที่โดนแทคยอนชนจนล้ม

แต่มันกลับไม่ทันซะแล้ว…

 

ร่างสูงใหญ่ก้าวพลาดจนเสียหลัก มินจุนที่อยู่ใกล้ที่สุดเห็นภาพการเคลื่อนไหวของตรงหน้าได้อย่างชัดเจน รีบคว้าข้อมือแทคยอนไว้ แต่กลับต้านแรงโน้มถ่วงบวกกับน้ำหนักคนตรงหน้าไม่ไหว ร่างโปร่งเอนถลาไปข้างหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ฝ่าเท้าที่ลอยขึ้นเหนือจากพื้นทำให้หัวใจเขากระตุกวูบเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังล้มไปด้านหน้าพร้อมกับร่างแทคยอนที่กำลังหงายหลังตกบันได ได้ยินเสียงใครสักคนตะโกนเรียกชื่อเขาทั้งสอง แต่สติเขาตอนนี้กลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัวซะแล้ว

แทคยอนรีบดึงมินจุนเข้ามากอด กดหัวทุยให้ซุกอยู่บริเวณอก รั้งกอดเอวบางเข้าหาตัวแน่น ใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบังไม่ให้มินจุนเจ็บตัว

 

สองร่างกลิ้งหลุนๆ ลงไปหยุดอยู่บริเวณพื้นที่เล็กๆ ตรงมุมบันได

เสียงร้องเรียกไม่เป็นภาษาดังแผดลั่นผสมปนเปออกมาด้วยความตกใจ สี่คนที่เหลือพากันวิ่งพรูลงไปหาสองร่างที่ยังนอนนิ่ง มินจุนค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นมานั่งโดยมีแทคยอนยังนอนเบ้หน้าอยู่ข้างๆ แต่ร่างสูงก็พยายามพยุงตัวลุกขึ้นมาโดยมีมินจุนช่วยอีกแรง

 

“ฮยองเป็นไงกันบ้าง” จุนโฮเข้าไปจับเนื้อจับตัวมินจุนทีแทคยอนทีด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ฮยองไม่เป็นไรหรอก… แทคนายยังโอเคใช่มั้ย” มินจุนหันไปถามคนที่นั่งข้างๆ สีหน้าฉายชัดความเป็นห่วง ตอนที่กลิ้งตกลงมามันเร็วมากจนเขาเองแทบลืมหายใจ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ เพราะมีอ้อมแขนและตัวของแทคยอนรองรับน้ำหนักกันแรงกระแทกไว้

“ไม่ ผมไม่เป็นไร แค่เจ็บแขนนิดหน่อย คงช้ำเฉยๆ ไม่ต้องเป็นห่วง” แทคยอนหันไปพูดยิ้มๆ ให้มินจุนก่อนจะกวาดสายตามองคนที่เหลือแล้วฉีกยิ้มกว้างให้คลายกังวล ทุกคนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเรียกสติที่เผลอลืมบางอย่างไปชั่วขณะ

 

กึก กึก

เสียงเหมือนของแข็งกระทบพื้นในเวลาไล่เลี่ยกันทำเอาหกหนุ่มเงียบกริบ ขนแขนพากันแสตนอัพขึ้นมาแทบจะทันที อูยองลุกขึ้นยืนพยายามชะเง้อคอมองหาที่มาของเสียง แต่ก็ไม่มีใครเห็นต้นตอของเสียงประหลาดนั่นเลย

“ใกล้รุ่งแล้ว อีกไม่กี่นาทีฟ้าคงสว่าง ฉันว่าเรากลับขึ้นไปเอาของแล้วรีบออกจากที่นี่กันเถอะ” นิชคุณพูดขึ้นเรียกขวัญที่กระเจิงของคนที่เหลือให้กลับคืนมา

ทุกคนพากันมองหน้ากันด้วยความขนลุกไม่หายกับเสียงประหลาดที่ดังขึ้นเมื่อครู่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเงียบกริบ เงียบมากจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจหอบ

 

ชานซองกับจุนโฮช่วยกันพยุงมินจุนกับแทคยอนให้ลุกขึ้นยืน แล้วออกเดินตามหลังนิชคุณที่เป็นคนเดินนำขึ้นบันได ย้อนกลับไปทางเก่า ฟ้าเริ่มสางพอให้เห็นทางเดินได้อย่างชัดเจน พากันเดินเกาะกันเป็นกระจุกตรงไปยังห้องเดิม ทุกสิ่งรอบตัวเงียบสนิท ฝุ่นหยากใย่ที่ไม่พบเห็นในครั้งแรกตอนนี้ขึ้นจับไปทั่ว แม้กระทั่งหน้าบานประตูห้องก็มีฝุ่นเกาะหมายเลขซะหนาจนแทบมองตัวเลขสีทองบนหน้าบานประตูไม่ชัด

 

“ทะ…ทำไมมันดูเก่าๆ โทรมๆ แบบนี้ล่ะ” ชานซองที่เนียนเกาะแขนจุนโฮมานานพูดขึ้นเสียงสั่นพลางไล่สายตากวาดมองไปรอบตัว

ทุกคนพากันมาหยุดยืนนิ่งที่หน้าประตูห้องได้สักพักแล้วโดยมีนิชคุณยืนอยู่หน้าสุด แต่กลับยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูเข้าไปด้านในเลย

“ฉันว่ามันชักจะแปลกๆ แล้วแฮะ” เสียงแทคยอนดังขึ้นเสริมขณะที่สายตาก็ยังมองกวาดสภาพแววล้อมแปลกๆ รอบตัว

“เรารีบเข้าไปเอาของแล้วออกจากที่นี่กันเถอะ” จุนโฮที่ยืนหน้าซีดพูดขึ้น เบียดชิดร่างเข้าหาชานซองแล้วเกาะแขนแกร่งแน่น

 

แอด~

บานประตูที่ส่งเสียงฝืดค่อยๆ เปิดเข้าไปด้านในด้วยฝีมือนิชคุณ ทุกสายตาพากันจ้องมองเข้าไปด้านในอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะพากันรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องตามหลังนิชคุณที่ก้าวเดินเข้าไปเป็นคนแรก

สภาพห้องที่ดูสะอาดสะอ้านในคราแรกที่เข้ามาพัก ตอนนี้กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ฝุ่นเกาะจับทุกอย่างจนหนาเตอะแทบมองไม่เห็นสีของสิ่งของที่แท้จริง หยากใย่ห้อยระโยงระยางเต็มข้างฝาตามมุมต่างๆ ไปหมด แม้กระทั้งที่นอนก็เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากใย่ที่เกาะตัวแน่น

 

“กะ…เกิดอะไรขึ้น” มินจุนที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องกวาดตามองรอบๆ ด้วยความตกใจ คนอื่นๆ ที่เดินไปคว้าเป้ประจำกายตัวเองขึ้นสะพายก็รีบสาวเท้าเร็วๆ กันไปที่หน้าประตู

“เรารีบไปกันเถอะ” แทคยอนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สะพายกระเป๋าทั้งของตัวเองและมินจุนพาดบ่าคนละข้าง เดินเข้าไปดึงแขนมินจุนที่ยังคงยืนตะลึงอยู่กลางห้องให้รีบไปที่ประตู

 

“ขอบคุณที่ให้ที่พักที่อยู่อาศัยพวกเราชั่วคราวนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มของนิชคุณดังขึ้นเบาๆ สำนียงภาษาที่ไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดของห้าคนที่เหลือดังออกมาเป็นคำพูดที่พวกเขาเองก็ฟังไม่ออก

ร่างสูงโปร่งยืนหันหน้าไปทางกรอบรูปเก่าคร่ำครึที่ติดอยู่บนฝาผนัง แต่ดูจะเป็นสิ่งเดียวในห้องที่ไม่มีฝุ่นเกาะเลยสักนิด

ช่างน่าแปลก…

 

“คุณเรารีบไปกันเถอะ” อูยองส่งเสียงเรียกเมื่อยังเห็นพี่ชายหน้าหวานยังคงยืนมองกรอบรูปบานนั้นนิ่ง

นิชคุณยกมือขึ้นไหว้แล้วพึมพำอะไรสักอย่างก่อนจะรีบสาวเท้าเดินมาสบทบกับคนอื่นๆ ที่ยืนรอกันอยู่ที่ประตูห้อง

เขาจะไม่บอกเมมเบอร์ทุกคนหรอก ว่ารูปในกรอบนั้นหน้าเหมือนคุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์มากขนาดไหน..

 

“เมื่อกี้นายทำอะไรน่ะ” มินจุนที่เดินอยู่ข้างๆนิชคุณอ่ยถามเบาๆ ขณะที่ทั้งหมดพากันเดินออกมาจนถึงประตูทางเข้า นิชคุณหันกลับไปมองเคาท์เตอร์ฝุ่นเขรอะก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเบาๆ เขาไม่อยากให้พี่ใหญ่ที่กลัวผีขึ้นสมองรู้เรื่องนี้

“ฮยอง ประตูเปิดไม่ออกอีกแล้ว” อูยองสะกิดแขนนิชคุณยิกๆ ทำให้คนตัวสูงหลุดจากสายตาที่มีแต่คำถามของมินจุนมาได้ ทั้งห้าคนแหวกทางให้นิชคุณที่เดินมาอยู่ข้างหน้า

“ทุกคนพนมมือขึ้นเร็ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ทุกคนยกมือขึ้นพนมตามที่นิชคุณบอก

“เอ่อ… ขอบคุณคุณลุงที่ให้ที่พักพวกผมนะครับ ส่วนเงิน 800 พวกผมจะทำบุญไปให้..”

 

 

โครม!!!

เสียงเหมือนอะไรบางอย่างร่วงกระแทกลงบนพื้นทำเอาทั้งหกคนสะดุ้งเฮือก เมมเบอร์ที่เหลือจ้องหน้านิชคุณเขม็ง เพราะไม่เข้าใจประโยคที่นิชคุณพูด

 

“จะ..จะทำบุญไปให้หลังจากที่กลับจากเกาะนี้ไปได้ ปละ…ปล่อยพวกผมออกไปเถอะนะครับ”

บรรยากาศเงียบสงบอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมหายใจหอบหนักของคนทั้งหก นิชคุณเอื้อมมือไปเปิดประตู ในที่สุด พวกเขาก็ออกจากโฮมสเตย์นี่ได้เสียที!!!

ทั้งหกคนรีบวิ่งออกมาสูดอากาศด้านนอกทันที โดยไม่ได้สังเกตสายตาของชาวบ้านแถวนั้นที่พากันมองดูชายหนุ่มทั้งหก จนกระทั่งนิชคุณต้องสะกิดให้ทุกคนรู้สึกตัว

 

“หลังจากนี้เราต้องไปทำบุญนะ”

สายตาทั้งห้าคู่จ้องนิชคุณเขม็ง ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งเรือกลับจากเกาะปันหยี ตอนนี้ดูเหมือนทุกคนจะเข็ดและดูกลัวกับการที่ต้องค้างคืน

 

“ที่พักที่ภูเก็ตไม่น่าจะมีอะไรแบบนี้แล้วแหละ.. อย่ากลัวไปเลย” เสียงทุ้มอ่อนโยนลงเมื่อหันมาพูดกับคนข้างกายอย่างอูยอง จุนโฮกับชานซองนั่งหันหลังชนกัน ไม่มีใครมองหน้าใคร เหตุการณ์เมื่อคืน จุนโฮปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขารู้สึกดีที่ได้อยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆนั่น..

 

“ย่าห์ อ๊ค แทคยอน อย่ามานั่งพิงฉันได้มั้ย มันหนัก!!!”

ต่างจากคู่มินจุนกับแทคยอน ที่ภายนอกทุกอย่างดูเหมือนเดิม แต่ข้างในกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น นิชคุณมองใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ดวงตาคู่นั้นไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย ให้เขาเดา ตอนที่คู่นี้อยู่ในห้องน้ำ ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

 

“คุณฮยอง ถ้ามีผีอีกผมจะกลับเกาหลีแล้วนะ” อูยองที่นั่งอยู่ข้างๆเขาพูดพึมพำออกมาเบาๆ ถึงแม้จะมีเสียงคลื่นและเสียงเร่งเครื่องของเรือ แต่เพราะเขากับอูยองนั่งใกล้กันมากทำให้นิชคุณได้ยินคำพูดของคนตัวเล็กกว่าชัดเจน

 

“ถ้ามีผีอีกฮยองก็จะกลับเหมือนกัน” นิชคุณตอบเสียงกลั้วหัวเราะ

“ฮะ!? อะไรนะ!? ที่ภูเก็ตมีผีอีกเหรอ!!?” มินจุนตะโกนถาม แต่เพราะเสียงคลื่นกลบทำให้…

“อะไร!? กะหล่ำปลี? ฮยองอยากกินกะหล่ำปลี!?” อูยองถามกลับด้วยความสงสัย

“ตุ๊กตาหมี? นายจะอยากได้ตุ๊กตาหมีไปทำไมอูยอง” จุนโฮตะโกนกลับมาบ้าง

“ไอด้งมันบอกว่าอยากไปบาหลีตังหาก!” แทคยอนหันไปบอกจุนโฮ ในขณะที่ชานซองมองพี่ๆทั้งสองฝั่งตอบโต้ไปมาด้วยสายตางุนงง

“อะไรนะ!! ยังจะไปเกาะปันหยีกันอีกเรอะ!!!”

 

 

 

 

 

 

 

นิชคุณปวดเฮด…..

 

 

 

 

 

 

 

TBC

 

ปวดเฮดด้วยคน 555555555555

ทวิตแล้วติดแท้ก #เดอะรูมเมท

อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ อ้อ… เรียงเลข 1-6 ให้ด้วยน้า เช่น 4,3,5,6,1,2

writer : wakkks , rainstill , AatbWoo , Yochan , PaiPOPcoRn , Peachyhachi
tag : #เดอะรูมเมท

—————

.

.

“ไม่อ้วนนะ จะให้เปิดแพคโชว์มั้ยล่ะ” พูดจบ ชานซองก็ถลกเสื้อยืดของตัวเองทันที จุนโฮรีบตะครุบแขนชานซองไม่ให้เขาเปิดแพคออกมา บ้าเอ้ย เจ้าหมีงั่ง ไม่อายคนก็อายฟ้าดินบ้างเถอะ

“ไม่ต้องนะ ห้ามเปิด ฉะ ฉันเชื่อแล้วว่านายฟิตหุ่นมา” จุนโฮระล่ำระลักหน้าแดงแปร๊ด
“เขินหรอนูนอ คิๆ นายน่าจะชินได้แล้วนะ ปกติก็เปิดโชว์ประจำ” ชานซองเลิกคิ้วเหล่ตามองจุนโฮแบบขำๆ

“ไม่ได้เขิน แต่มันตกใจเว้ย” จุนโฮยังไม่กล้ามองหน้าชานซอง ตอนนี้หัวใจเขาเต้นแรงมากจนเขากลัวว่าชานซองจะได้ยิน
“ฮ่าๆๆ ดูสิ นายหน้าแดงไปหมดแล้ว” ชานซองไม่วายขำท่าทีของจุนโฮ ถ้าไม่ได้หูฟาด เสียงใจเต้นนั่นของจุนโฮหรอ

“หืย ไอ้บ้า หยุดล้อฉันแล้วเดินหาที่พักกันดีกว่า” จุนโฮก้าวเดินฉับๆออกไป ชานซองได้แต่ยิ้มตามหลังจุนโฮแล้ววิ่งไปกอดคอเพื่อนสนิท หมั่นเขี้ยวแหะ
“ปาย หา ที่ พัก กาน เถอะ เนอะ นู นอ อา” มนุษย์หุ่นหมีใจเด็กคนนี้เอาคางวางเกยหัวของคนตัวเล็กกว่าอย่างขี้อ้อน จุนโฮได้แต่ยิ้มน้อยๆ

กลับมาเป็นชานซองคนขี้อ้อนเหมือนเดิมแล้ว แค่นี้ก็พอใจแล้ว ขอบคุณนะไอ้หมี

.
.
.

ทางฝั่งของแทคยอนและมินจุน ทั้งสองคนก็เดินหาที่พักกันขาแทบขวิดแต่ยังไม่เจอพวกโฮมสเตย์เลย แทคยอนดูอ่อนแรงหน่อยๆเพราะท้องเสียไปหลายรอบ มินจุนมองท่าทีน้องคนสนิทอย่างสงสารปนสมเพช

“แทค นายไม่เป็นไรแล้วใช่ป้ะวะ หน้านายโคตรอ่อนระโหยโรยแรง”
“ง้ากกกกก ฮยองงงงงง เค้าขอโทษษษษ เค้าขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบาก ผิดไปแล้วววววว พ้มผิดไป๋แล่ววววว แง้กกกก” อยู่ๆแทคยอนก็มาเกาะเสื้อมินจุนแล้วแหกปากใส่มินจุนทันทีจนมินจุนรู้สึกเอือม ไอ้บ้านี่จะทำตัวติงต๊องไปถึงไหนฟะ

“เออ ช่างเถอะ มันช่วยไม่ได้นี่หว่า อ่ะนี่น้ำเปล่า กินซักหน่อยเว้ย” พี่ใหญ่ยื่นขวดน้ำจากกระเป๋าเป้ตัวเองให้แทคยอน ถึงมินจุนจะปากร้ายไปนิด แต่พอถึงเวลาก็ใจดีใช่เล่น ตอนนี้เขาเป็นห่วงแทคยอน มันไม่ใช่ความผิดแทคซักหน่อย บทคนเรามันจะท้องเสียมันห้ามได้ที่ไหนกันล่ะ

“ขอบคุณครับฮยอง เค้าซาบซึ้งใจ อะฮื้อออออ” แทคยอนดื่มน้ำจากขวดรวดเดียวหมดแล้วสวมกอดคนตรงหน้า ทำเอามินจุนเบิกตาโพล่ง
“ย๊าห์ๆ เลิกทำตัวเป็นเด็กโข่งได้ล้ะ เวลานายงุ้งงิ้งแบบนี้แม่งโคตรขนลุก ไม่เหมาะกับนาย” มินจุนผลักแทคยอนออกจากการกอดหลวมๆนี้ รู้สึกร้อนวูบวาบที่หน้าแปลกๆ

จู่ๆแทคยอนเดินฉับๆไปที่บ้านหลังหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกร้านค้าแต่ตอนนี้ประตูร้านปิดสนิท หน้าร้านมีป้ายที่ทำให้แทคยอนต้องทำหน้าตื่นเต้นดีใจ
“ฮยองงงงงงง เราเจอที่พักแล้ว” แทคยอนกวักมือเรียกมินจุนให้มาทางเขา ป้ายที่แปะอยู่นั่นคือป้ายประกาศว่าที่นี่คือโฮมสเตย์เป็นภาษาอังกฤษอยู่

“ฉันว่าเราควรโทรหานิชคุณก่อนนะ”
“อ่า นั่นสิ ฮยองโทรหน่อย”
“ไอ้แทค$!@#$%^&* เออๆ เดี๋ยวโทรเอง” มินจุนแยกเขี้ยวใส่น้องชายตัวแสบโทษฐานที่ให้เขาเป็นคนเสียเงินแล้วกดโทรหานิชคุณ

[ฮัลโหล ฮยอง ว่าไงครับ]
“คิมนิคคุณ ฮยองกับแทคเจอที่พักแล้วอ้ะ แต่เป็นโฮมสเตย์นะ”

[โฮมสเตย์หรอครับ อยู่ตรงไหนกัน เดี๋ยวผมกับอูยองเดินไปหา]
“ตรง…ตรง.. อ้อ ตรงที่ฉันเล่นกับลูกแม่ค้าเมื่อตอนบ่ายๆอ้ะ”

[อ๋อ โอเคครับฮยอง เดี๋ยวพวกผมสองคนเดินไปหานะ]
“โอเคไอ้น้อง ฉันรอนายอยู่ที่เดิมแหละ ฟ้าวๆมาเด้อคิมนิคคุณ ข่อยอยากเหยียดแขนขาลงบนเตียงแล้ว คือเมื่อยแท้ ผู้เฒ่าอย่างข่อยต้องการพักผ่อน”

[ฮ่าๆๆ คร้าบๆ แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วเจอกัน]
มินจุนวางสายจากนิชคุณแล้วก็ยืนบิดขี้เกียจไปมาอยู่กับที่ ฮ่วย ข่อยบ่ได้เฒ่าจริงๆเด้อ ข่อยแค่ปวดหัวเข่าแหม่

“ฮยองๆๆๆ เมื่อกี้ไปเดินเล่นตรงแพตรงนั้นมาอ้ะ พระอาทิตย์กำลังจะตกทะเลด้วยนะ ส๊วยสวย” นอกจากจะตัวเขื่องแล้วยังทำชอบทำตัวโข่งยังกะเด็กๆอีกนะไอ้แทค ว่าแต่พระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้ามันสวยจริงๆแหะ กลางทะเลเลย อะเมซซิ่งไทยแลนด์จริงๆ ยังงี้ต้องแชะภาพวิวเอาลงทวิตเตอร์ซักหน่อย

แชะ!

“ฮยองง่ะ สนใจแต่วิวทิวทัศน์ ไม่สนใจอ๊คแทคยอนคนงามที่ยืนหัวโด่ตรงนี้เลย แทคจะไม่ทนมินจุนโอปป้าที่ไม่สนใจใยดีแทค มามะ เซลก้ากานนนนน เซลก้าให้แฟนคลับกรีดร้องฟินแตกหน้าคอมไปเลย เหมือนตอนนี้กระแสอ๊คคิมกำลังมาแรง คิคิ” แทคยอนทำหน้าเจ้าเล่ห์

“มาเรียกโอปป้า เดี๋ยวปั๊ดเตะตกน้ำ ขนลุกโว้ย แล้วไอ้กระแสจิ้นอ๊คคิมใครตั้ง ฉันไฟว้กับนายทุกวันแถมด่ากันเช้าเย็น แฟนคลับหาโมเม้นต์ฟินได้ไงฟะ นายกับนิชคุณยังจะเรียลกว่าเลย โอ้ย นับถืออออ”
“เรียลไม่เรียลไม่รู้นะ รู้แต่ว่าผมชอบอ้ะ ผมชอบให้ฮยองด่าผม ฮยองจะทำร้ายร่างกายผมยังไงก็ได้ผมไม่เคยโกรธ เหตุผลง่ายๆเพราะผมชอบฮยองมากๆเลยไงล่ะ” จู่ๆแทคยอนก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมา ทำเอาอีกฝ่ายกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เขาไม่กล้าพูดอะไรต่อ ไอ้แทคมันพูดจริงหรือพูดเล่นตามนิสัยกันแน่ เดาไม่ได้เลย แต่เรื่องแบบนี้ คนเราไม่ได้เอามาพูดเล่นกันง่ายๆใช่มั้ย

“พอเลย ถ้าจะถ่ายรูปก็มาตั้งกล้อง ชักช้าเดี๋ยวไม่ถ่งไม่ถ่ายแมร่งเลย” มินจุนพยายามเถื่อนกลบเกลื่อนความเขินอายสุดพลัง ฝ่ายแทคยอนเมื่อได้ยินคำสั่งประกาศิตเช่นนั้นก็ควักมือถือขึ้นมาตั้งกล้องก่อนจะเซตเวลานับถอยหลังไว้สิบวินาที

“ตั้งเวลานานจังวะ ยิ้มเหงือกแห้งพอดี”
“แหมฮยอง จะได้มีเวลาเก็กนานๆไง ดีออกรูปออกมาจะได้หล่อๆ” แทคยอนเอื้อมมือไปกดปุ่มถ่ายรุปที่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้มินจุน ตัวเลขบอกเวลาก็ค่อยๆเริ่มนับถอยหลัง

10…
“ฉันสนุกมากเลยวันนี้” มินจุนกล่าว ตั้งเวลาไว้ซะนานเลยมองตรงไปยังวิวข้างหน้าเพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศเอาไว้

9….
“ผมก็สนุกแม้จะต้องมาจี๊ดสปรู๊ดจู๊ดสปร๊าดจนตัวซีดขนาดนี้ ฮ่าๆ” แทคยอนพูดบ้าง

8….
“นานแล้วที่พวกเราไม่ได้มาเที่ยวกันแบบนี้ ฉันดีใจที่เห็นพวกน้องๆมีความสุข”

7….
“จริงๆพวกเราก็มีความสุขตลอดเวลานั่นล่ะ แค่ได้อยู่ร่วมกันก็มีความสุขแล้ว”

6….
“หืมมมม พูดเป็นพระเอกซีรี่ย์เชียว ขอบอกเลยนายเท่ไม่ได้ครึ่งนึงของโทมินจุนอ่ะ นี่พูดเลย”

5….
“โห อะไรอ่ะฮยอง ถึงผมจะเท่ไม่เท่า แต่ผมแซ่บนะ”

4….
“แหวะ พูดอะไรของนาย ตลกอ่ะ ช่วยถ่อมตัวหน่อยได้ไหม” มินจุนพูดพลางแลบลิ้นใส่แทคยอนผ่านกล้อง

3…..
“ฮยองๆๆๆ เคยได้ยินคำกล่าวนี่ป่ะ เท่โครต”

2 ….
“ว่า….”
“หลงทางยังหาเจอหลงเธอสิเหลือทน” แทคยอนพูดพลางส่งยิ้มมุมปากให้มินจุนผ่านกล้อง

1….
“เท่ตรงไหน ยังกะสติ๊กเกอร์ท้ายรถสิบล้อ” มินจุนแหวใส่แทคยอนก่อนจะหันไปหาคนข้างกาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก็หันมาจ้องตนเช่นกัน ปลายจมูกของทั้งคู่แตะกันเบาๆ ดวงตาสบกันเสียเนิ่นนาน ราวกับเวลาและสายลมที่พัดผ่านนั้นหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง

0

แชะ!!!

ไม่ทันตั้งตัวโทรศัพท์มือถือก็ถ่ายรูปนี้ไว้เสียแล้ว หากแต่ทั้งคู่ก็ยังคงสบตากันอยู่อย่างนั้น จนเมื่อมินจุนได้สติ มือเรียวทั้งก็สองข้างก็ผลักแทคยอนออกไปจนกระเด็น

“โหฮยอง ผลักผมทำไม”
“ใกล้ไปแล้ว..” มินจุนพึมพำ เขาสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวอยู่ที่อกข้างซ้าย ไม่จริงน่า…เป็นไปไม่ได้

“ฮยองว่าอะไรนะ” แทคยอนถามเมื่อเห็นว่ามินจุนขยับปากแต่ไม่มีเสียงลอดผ่านมาให้ได้ยิน
“ปละ…เปล่า เอ้อแทค ลบรูปเมื่อกี้นี้ด้วยนะ ฮยองไม่หล่ออ่ะ”

“ไหงงั้นอ่ะ ไม่ลบ ผมจะเอารูปนี้ลงทวิตเตอร์ให้แม่ยกอ๊คเคกรี๊ดกันสนั่นเกาหลีเลย” แทคยอนพูดก่อนจะก้มหน้ากดโทรศัพท์
“ม่ายยยยยยยยย อย่าเอาลงนะ นายจะบ้าเหรอ รูปมัน….รูปมัน…”

“รูปมันยังไง?” ปากก็ถามแต่มือก็ยังคงง่วนอยู่กับโทรศัพท์
“รูปมันล่อแหลมนะสิ เอาลงไปได้โดนจินยองฮยองแหกอกแน่ๆ เอามานี่” มินจุนเอื้อมมือไปหมายจะคว้าโทรศัพท์ของแทคยอน แต่ร่างสูงมือไวกว่า ชูโทรศัพท์ขึ้นเหนือหัวจนสุดแขนปล่อยให้มินจุนกระโดดเหยงๆพยายามคว้าเอาโทรศัพท์

“เอามา จะลบบบบบบบบ”
“ไม่ให้ แน่จริงเอาให้ได้ดิ”

“เอามานะเว้ยยยยยยยยยยย ลบเดี๋ยวนี้!!!!! “
“ไม่ลบบบบบบ ผมจะเก็บไว้ดูเล่น” มินจุนส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ก่อนจะรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายกระโดดสุดแรงโดยไม่สนว่าหัวเข่าจะพังหรือไม่ กระโดดพุ่งเข้าใส่แทคยอน จนทั้งคู่ล้มลงไปกองที่พื้นโดยที่มินจุนนอนทับอยู่บนอกของแทคยอน

“เป็นไงเล่นจนได้เรื่องเลยนะ” มินจุนเอ่ยเมื่อเห็นสีหน้าของแทคยอน สงสัยเมื่อกี้หลังคงกระแทกพื้นอย่างแรง
“ก็ฮยองนั่นแหละ กระโจนมาได้” มินจุนไม่ตอบอะไรแต่คว้าโทรศัพท์ที่อยู่ในมือแทคยอนมาหมายจะลบรูป แต่หน้าจอที่โทรศัพท์ไม่สามารถปลดล็อกได้

“รหัสอะไร?” มินจุนถาม
“อ้าวฮยอง รหัสลับนะ ถ้าผมบอกมันจะลับไหมอ่ะ” สิ้นเสียงแทคยอนมือเรียวก็ทุบไปรัวๆที่อกของแทคยอนพลางก่นด่าเป็นชุดๆ แทคยอนเห็นดังนั้นก็อดรนทนไม่ได้จับตัวมินจุนพลิกลงด้านล่างก่อนตนเองจะขึ้นคร่อมกักตัวคนตัวเล็กกว่าไม่ให้ดิ้นและทำร้ายร่างกายอีก ฝ่ายมินจุนเมื่อตนเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้หัวใจแทบวายเช่นนี้ก็นิ่งเงียบไป

ตาเรียวสบตากับแทคยอนเข้าอย่างจัง ไม่รู้ทำไมทั้งๆที่มินจุนจะเอามือผลักออกก็ได้แต่กลับไม่ทำ ราวกับว่าดวงตาคู่นี้มันมีแรงดึงดูดที่เมื่อจ้องมองแล้วไม่สามารถละออกไปได้เลย ใบหน้าคมค่อยๆลดระดับลงมาเรื่อยๆ ใกล้ลงมาเรื่อยๆๆๆๆ ก่อนจะริมฝีปากจะได้แตะกันเสียงๆหนึ่งก็ได้ดังขึ้น…

“นั่นฮยองกำลังทำอะไรกันน่ะ! เล่นหนังสดกันบนแพรึไง!!” อูยองที่เพิ่งเดินมาถึงตะโกนโหวกเหวกโวยวายยกใหญ่ เมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเรทสิบเก้าบวก

ผัวะ!

มินจุนที่เหมือนเพิ่งจะได้สติรีบยกเท้าขึ้นถีบร่างของแทคยอนที่นั่งคร่อมตัวเขาไว้อยู่จนรายนั้นกระเด็นแทบตกแพ ก่อนตัวเองจะพยุงตัวลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าหน้าผมที่กระเซิงเมื่อครู่ให้กลับมาหล่อเช้งกระเด๊ะเหมือนเดิม

“ปะ…เปล่า เมื่อกี้ไอ้แทคมันสะดุดยอดหญ้าเลยล้มทับฉัน”
“ไหนยอดหญ้าฮยอง ผมยังไม่เห็นมันโผล่ออกมาสักเซ็นต์ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ อีกแล้วนะ” อูยองที่ขยับตัวเดินลงมาในส่วนของแพก้มลงมองหายอดหญ้าที่ว่าแต่ก็ไม่พบเจอยอดใบชาเขียวสักต้น

“โอ้ยยย แกจะจับผิดอะไรฉัน ไปๆ ไปดูที่พักกันดีกว่า” มินจุนรีบไล่ต้อนไอ้เด็กขี้สงสัยที่เอ่ยถามเขาหน้าตาใสซื่อให้เดินตรงไปยังโฮมสเตย์ที่อยู่ไม่ห่างจากบริเวณแพริมน้ำเท่าไหร่นัก

นิชคุณกับอูยองต่างเคลื่อนย้ายตัวเองเดินตามหลังมินจุนที่เดินนำไปข้างหน้า โดยไม่มีใครคิดจะเหลียวหลังกลับมามองเจ้าแมวเขืองตัวยักษ์ที่ร้องโอดโอยลูบตูดลูบก้นตัวเองอยู่ที่เดิม

“ว่าแต่…ทำไมมันเงียบจัง ฮยองแน่ใจนะว่ามันเปิดอ่ะ” อูยองที่ยืนแหงนหน้ามองตัวตึกสีหม่นที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเอ่ยขึ้น ถึงแม้จะมีป้ายหน้าร้านแปะไว้ตัวเบ้อเริ่มว่าเป็นโฮมสเตย์ แต่พอมองทะลุกระจกใสหน้าเข้าไปด้านในมันกลับมืดและเงียบมากซะจนดูน่ากลัว

“เอ่อ…อันนี้ก็ไม่รู้แฮะ ยังไม่ได้เดินเข้าไป แล้วไอ้เด็กสองตัวนั่นมันหายไปไหน??” มินจุนหันไปถามอูยองกับนิชคุณ ทั้งสองมองหน้ากันก่อนส่ายหัวไปมา
“เดี๋ยวฉันโทรไปหาสองคนนั้นก่อนนะ” นิชคุณพูดขึ้นก่อนจะปลีกตัวเดินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเพื่อโทรหาน้องเล็กทั้งสองซึ่งคงจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเจอที่พักกันแล้ว

“ทำไมไม่เดินเข้าไปกันอ่ะ” แทคยอนที่เพิ่งเคลื่อนย้ายตัวเข้ามาถึงพูดขึ้น เมื่อเห็นมินจุนกับอูยองยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าตึกไม่ยอมเดินเข้าไปด้านในกัน
“นายเข้าไปก่อนเลยแทค” พี่ใหญ่หันไปพูดกับแทคยอน ซึ่งรายนั้นเองก็พยักหน้าลงหงึกหงักก่อนจะเดินเปิดประตูเข้าไปด้านใน ตามด้วยมินจุนและอูยอง

กรุ๊งกริ๊ง~

เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่บนบานประตูดังเมื่อประตูถูกผลักเข้าไป ภายในมืดสนิทไร้แสงไฟ มีเพียงแสงสีส้มจากพระอาทิตย์ที่ใกล้ลับขอบฟ้าด้านนอกส่องผ่านทะลุบานหน้าต่างกระจกใสเข้ามาด้านใน การตกแต่งในโทนสีหม่นทำให้บรรยากาศภายในนี้ยิ่งดูลึกลับและน่ากลัวเข้าไปใหญ่

“ฮยองพาเรามาถูกที่ใช่ป้ะ” อูยองขยับตัวเข้าไปเกาะแขนมินจุนที่ยืนอยู่ข้างๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนของล็อบบี้ไว้สำหรับติดต่อ
“ไอ้แทค แกแน่ใจนะว่านี่มันเป็นโฮมสเตย์ที่คนมานอนไม่ใช่…” พี่ใหญ่พูดขึ้นเสียงเบาก่อนจะหยุดในประโยคท้ายพลางกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เพราะดูท่าว่าที่นี่มันชักจะวังเวงแปลกๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนอยู่เลยในรัศมีที่สายตามองเห็น แล้วไฟมันดับหรืออะไร ทั้งส่วนนี้มันถึงได้มืดและเงียบมากขนาดนี้ อ่า…เราควรออกไปหาที่อื่นนอนกันดีไหม

“เอ่อ…มีคนอยู่ไหมครับ!!” แทคยอนขยับตัวก้าวเดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์ ส่งเสียงตะโกนเผื่อมีพนักงานอยู่ด้านหลัง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ

กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงกระดิ่งหน้าประตูที่ส่งเสียงดังทำให้สามชีวิตที่อยู่ด้านในหันไปมองทางประตู

“ทำไมมันมืดงี้อ่ะ” จุนโฮที่เดินเข้ามาคนแรกพูดขึ้นก่อนจะตามมาด้วยชานซองและนิชคุณที่เดินตามกันเข้ามา ทั้งสามที่เพิ่งเข้ามาใหม่หันมองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะหยุดสายตาลงที่คนสามคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด
“ฉันว่าเราไปหาที่อื่นกันเถอะ ดูท่าที่นี่จะไม่มีคนอยู่นะ” แทคยอนเดินกลับมารวมตัวกับเหล่าเมมเบอร์ที่ตอนนี้ยืนจับกลุ่มกันอยู่กลางห้อง

“คงไม่ได้แล้วล่ะ ข้างนอกเหมือนจะมาพายุเข้า ฟ้าครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตกแล้ว” นิชคุณพูดขึ้น แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ทุกสายตามองออกไปยังบานกระจกใสที่เผยให้เห็นบรรยากาศด้านนอก และยังไม่มีใครทันได้พูดอะไร ฝนก็เทกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก

ซ่า!

“ไอ้คุณ แกใช่ไหมที่เป็นคนเรียกฝน เลทอิทเรนแกอ่ะ!”
“ฮยองนี่ช่างโยงเรื่องจริงๆ”

พรึ่บๆ พั่บๆ

จู่ๆ หลอดไฟทุกดวงก็พากันติดๆ ดับๆ ทั้งหกหน่อขยับตัวเข้าหากันอย่างมิได้นัดหมาย
พรึ่บ!

เพียงไม่กี่อึดใจไฟทุกดวงก็เปิดสว่างขึ้น จะเรียกว่าสว่างก็ไม่ใช่ทีเดียว เพราะตอนนี้หลอดไฟที่ติดตามผนังและเพดานส่องแสงเป็นสีเหลืองนวลสลัวๆ พอให้เห็นอะไรต่อมิอะไรได้ชัดขึ้นกว่าเก่าเล็กน้อย

“สวัสดีครับ”
“เฮ้ย!!!” หกหนุ่มพากันขยับกรูถอยหลังโดยอัตโนมัติเมื่อจู่ๆ ชายรูปร่างสูงโปร่งในชุดผ้าฝ้ายโปร่งสบายกับใบหน้าที่ดูมีอายุคนหนึ่งก็โผล่มาอยู่ที่ด้านหลังเคาท์เตอร์ทำให้พวกเขาที่ยังตกใจจากอาการไฟติดๆ ดับๆ ไม่หายต้องมาขวัญเสียเพราะลุงคนนี้อีก

“เอ่อ…สวัสดีครับ” นิชคุณทักทายกลับก่อนจะก้าวเดินออกมาเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ ยังพากันกอดกันตัวสั่น
“มาติดต่อห้องพักใช่ไหมครับ” รอยยิ้มใจดีปรากฏบนใบหน้าของคุณลุงคนนั้นทำให้นิชคุณโล่งใจไปอีกเปราะนึง ก่อนจะตัดสินใจก้าวเดินไปยืนที่หน้าเคาท์เตอร์

“อ่า…ใช่ครับ”
“มีห้องนอนรวมมั้ยครับ” มินจุนเผลอพูดแทรกขึ้นมาเป็นภาษาเกาหลี ทำเอาคุณลุงคนนั้นทำหน้างงเล็กน้อย นิชคุณดึงชายเสื้อของพี่ใหญ่ให้ถอยออกมา

“สรุปว่าจะนอนรวมเหรอ ไหนบอกจะเป็นคู่ไง” นิชคุณหันกลับมาปรึกษากับเมมเบอร์ทุกคนอีกครั้ง มินจุนรีบพยักหน้าหงึกหงัก บรรยากาศแบบนี้นอนรวมน่าจะดีที่สุด หกหัวดีกว่าสองหัวถูกมั้ยล่ะ!? โทษทีนะไอ้น้องทั้งสอง แต่เฮียไม่ไหว เฮียกลัววววววว
“วังเวงจะตายชัก นอนรวมกันนั่นแหละดีแล้ว” ทันทีที่คำว่าวังเวงหลุดออกจากริมฝีปากอิ่ม ไฟที่พึ่งจะสว่างก็กลับมาติดๆดับๆอีกครั้ง ทั้งหกสะดุ้งเฮือกกระโดดเข้ามายืนติดกันเป็นก้อน(?)

“เอ่อ… งั้นพวกผมขอนอนรวมกัน.. อ้าวลุง.. ไปไหนแล้วล่ะ” นิชคุณที่ดูจะควบคุมสติได้ดีที่สุดหันกลับไปหาลุงที่ยืนอยู่ แต่กลับไม่มีแม้แต่เงา เจ้าของดวงตากลมสวยกลืนน้ำลายเอื๊อก ขาค่อยๆเดินเข้าใกล้เคาท์เตอร์ตรงหน้า บางทีลุงอาจจะก้มลงหยิบของอยู่..

พรึบ!!

จู่ๆไฟที่ติดๆดับๆก็ดับพรึบขึ้นมา ทำเอาทั้งหกคนตัวแข็งทื่อรวมถึงนิชคุณด้วย มีเพียงเสียงสายฝนที่กระหน่ำและแสงจากสายฟ้าที่ฟาดลงมาเท่านั้น ทำเอาทั้งหกแทบจะไม่กล้าหายใจ

เปรี้ยง!!

“เหวอ!! โอ้ย!! ใครวะเนี่ย กอดกูเพื่อ!! ไอ้บ้าแทค!! ตัวอย่างกับควายเสือกกลัวฟ้าผ่า!!!” เสียงโวยวายของมินจุนดังตามเสียงฟ้าผ่ามาติดๆ
“ไอ้ตูด!! เอาขามึงออกไป โอ้ย! เหยียบตีนกู ไอ้แมวยักษ์!!” เสียงโวยวายยังดังต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี บรรยากาศจะได้ไม่น่ากลัวเกินไปนัก อูยองหลุดขำออกมาเบาๆเมื่อเห็นภาพตรงหน้าจากแสงฟ้าแลบ จุนโฮสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะคว้าจับมือของคนข้างๆแน่น ฟ้าแลบแล้วก็ต้องตามด้วย..

เปรี้ยง!!

มือเรียวเผลอกระชับมือหนาแน่น ในขณะที่อีกคนก็บีบตอบกลับมา ไม่รู้หรอกว่ามือใคร คงจะเป็นมือชานซองนั่นแหละ หมอนี่อยู่ใกล้เขาที่สุด แต่มือเย็นแปลกๆนะ…

จุนโฮรีบปล่อยมือทันทีเพราะกลัวว่าถ้าไฟมาแล้วพี่ๆทุกคนจะแซวเขา แล้วเป็นไปตามที่คิดเพราะเมื่อเขาปล่อยมือออกไฟในห้องก็สว่างพรึบอีกครั้งพร้อมกับลุงที่เดินออกมา

“ไฟมันไม่ค่อยดีน่ะพ่อหนุ่ม ตกลงว่ายังไงล่ะ”
“พวกผมอยากได้ห้องรวมห้องใหญ่ครับ”
คุณลุงพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำออกไปจากห้องรับรอง ทั้งหกเดินตามหลังลุงท่ามกลางแสงไฟสลัว ห้องใหญ่อยู่ชั้นล่าง ประตูบานไม้ถูกเปิดออก เสียงแอ๊ด..ดังขึ้นเบาๆทำเอาอูยองขนลุกขึ้นมาซะเฉยๆ มือเรียวลูบแขนตัวเองไปมา

“คงจะพอนอนกันได้นะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย คืนละ 800 ขอให้โชคดีแล้วกัน”
นิชคุณขมวดคิ้วกับคำอวยพรประหลาดๆนั่น ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ไทยนานแล้วแต่คำว่าขอให้โชคดีมันใช้ในสถานการณ์นี้เหรอ คุณนี่ไม่เข้าใจ @.@

ทั้งหกคนเดินเข้ามาในห้อง อูยองเป็นคนเดินไปเปิดไฟ จุนโฮตรงดิ่งไปสำรวจห้องน้ำที่มีอยู่ห้องเดียว จักรพรรดิทำหน้าเซงเดินฉับๆมาทรุดตัวลงบนเตียง ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจไปทั่ว
เตียงใหญ่ห้าเตียงวางชิดติดกัน พวกเขาหกคนน่าจะนอนกันพออยู่แหละ ตัวพวกเขาก็ไม่ได้ใหญ่มาก (เหรอ)

“หวังว่าไฟในห้องจะไม่ดั…”
ชานซองพูดพึมพำออกมาเบาๆ ยังไม่ทันจะจบประโยค ไฟในห้องก็ดับพรึบ
“ให้ตายเถอะ แบบนี้จะหลับลงได้ยังไงเนี่ย” มินจุนทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความไม่สบายใจ ใครๆก็รู้ว่าเขาน่ะกลัวผีที่สุด.. ให้มันได้อย่างนี้สิ!!

หน้าต่างบานเล็กเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาเห็นสิ่งต่างๆได้ แต่ก็เพียงสลัวๆเท่านั้น อูยองไล้สายตามองไปทั่วห้องพลางพยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุด

แสงสว่างวาบเป็นพักๆจากคนบนฟ้าทำให้บรรยากาศวังเวมากขึ้นเป็นเท่าตัว และก็ทำให้อูยองต้องถอยร่นไปซ่อนตัวชิดกับนิชคุณเพราะกรอบรูปทรงโบราณบนผนัง..

“คุณฮยองฮะ..นั้น..รูปใครหรอฮะ..”
รูปภาพซีดๆพร้อมกับสายตาคมจ้องเขม็งมายังเบื้องล่าง.. น้ำเสียงสั่นๆของเจ้าตัวดึงดูดให้สมาชิกที่เหลือเงยหน้าขึ้นไปมองทันที

“.. สงสัยรูปผู้ก่อตั้งที่นี่มั้ง.. คนไทยนิยมกราบไว้บรรพบุรุษน่ะ”
ชานซองรีบยกมือไหว้รัวๆก่อนจะขยับตัวไปเบียดกับเพื่อนสนิทอย่างจุนโฮจนคนตัวเล็กต้องหันไปเหวเข้าใส่เบาๆ กลัวก็กลัวยังจะเอามือร้อนๆมาแตะนู้นโดนนี่อีก

เอ้ะ..
ทำไมมือชานซองร้อนละ.. เมื่อกี้.. ยังเย็นเฉียบอยู่เลย..

คิดได้แบบนั้นจึงรีบคว้าฝ่ามือหนาอีกคนขึ้นมาจับทันที ชานซองคิ้วขมวดด้วยความสงสัย

“อะ..อะไร จุนโฮ?”

มือไม่ได้เย็นเหมือนเมื่อกี้เลย.. หรือจู่ๆชานซองจะกลัวจนอุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนฉับพลัน.. คนอื่นๆเริ่มหันมาสนใจจุนโฮที่เอาแต่แตะๆตามตัวของมักเน่ตัวโต

“จุนโฮ นายเป็นอะไร?”
“เมื่อกี้มือชานซองเย็นเจี๊ยบเลย.. ทำไมตอนนี้อุ่นแบบนี้ละ?”

“นายหมายความว่าไง ไอ่ชานมันขี้ร้อนจะตาย มันไม่มีทางมือเย็นแน่นอน”
แทคยอนพูดขึ้นมาอย่างหวาดๆพร้อมกับเดาเหตุการณ์ที่จุนโฮกำลังพูดถึงเอาไว้แล้ว..

“ไม่จริง ก็เมื่อกี้ผม.. ยังจับมือชานอยู่เลย..”
ไม่อายที่จะบอกใครแล้ว เรื่องนี้ไม่ตลกซักนิด สิ้นเสียงหวานของจุนโฮทุกคนก็ขยับตัวเข้ามาเบียดกันอีกครั้ง นิชคุณพยายามสอดส่องไปทั่วห้องพลางนับจำนวนคนที่อยู่ในห้อง

ไม่เคยคิดว่าพล็อตหนังไทยที่เขาเคยดูตอนเด็กๆจะต้องมาเจอกับตัว

หนึ่ง..
สอง..
สาม..

สี่..
ห้า..

หก..

หก.. ดีละ ไม่เกิน..

“พวกเรา ขยับเตียงมาชิดกันแล้วรีบนอนกันเถอะ”
เมื่อสำรวจดูไม่พบความผิดปกติจึงรีบสะกิดให้มักเน่ของวงและแทคยอนไปขยับเตียงในฐานะที่มีแรงเยอะที่สุด

ทั้งคู่ขยับตัวออกจากวงอย่างหวาดๆก่อนจะรีบช่วยกันดันเตียงเตียงสุดท้ายเข้ามาชิดกันทีเดียว อูยองคว้ามือคนข้างตัวกระโจนลงเตียงด้านในติดผนังทันทีที่ขอบเตียงไม่มีช่องว่าง

“ฉันจองด้านในสุดละ!”
“ได้ไงอะคุณฮยอง! อูยอง!” ดูเหมือนว่าจักรพรรดิ์จะมัวแต่โวยวายเลยไม่ทันการพี่ใหญ่

“ย๊าาส์ ฉันไม่ยอมนอนริมแน่นอน” มินจุนล้มตัวลงนอนข้างๆนิชคุณด้วยความรวดเร็ว
“ฮยองอะ! ผมนอนด้วย!” ไม่รอช้าจุนโฮรีบขึ้นไปนั่งจองพื้นที่เตียงทันที

จะเหลือก็แต่คนตัวโตสองคนที่ยืนอยู่ริมสุดของเตียงเพราะยังไม่ทันได้ขยับตัวไปไหนจากการขยับเตียงคนอื่นๆก็จับจองตำแหน่งปลอยภัยไปหมดแล้ว

และแรร์เอเรียเหลือเป็นที่สุดท้าย ข้างจุนโฮและไม่ใช่คนริมสุด..
ถ้าพลาดที่ตรงนี้ไป พนันได้เลยว่าจะต้องมีชีวิตที่ไม่สงบสุขอีกต่อไป..

“ฮยอง!! แมวเขียวบินได้!!!”
แทคยอนหันขวับไปตามเสียงทุ้มๆของมักเน่ พยายามหรี่ตามมองก็ไม่ไม่เห็นอย่างที่ชานซองว่า.. แน่ดิ.. แมวสีเขียวมีที่ไหน ที่สำคัญแมวบินไม่ได้!

กว่าจะรู้ตัวเขาก็พลาดท่าให้ไอ่แสบจอมเจ้าเล่ห์ไปซะแล้วว..

“ม๊ายยยยย!!!! อย่าให้เค้านอนปิดเสสส้~!! ไอ่ชานนนน ไอ่ฝัดดดดด”
ร่างกายสูงรีบตะเกียดตะกายขึ้นไปนอนชิดชานซองทันที และเพราะว่าเตียงที่มีเป็นเตียงเดียวห้าเตียงต่อกันทำให้พื้นที่ของเขาอยู่ในระดับที่เรียกว่า นอนสบายพอดิบพอดี ไม่มีที่ว่าง.. ไม่มีอวัยวะส่วนไหนเลยออกจากเตียง..

แต่อ๊ครู้สึกไม่ค่อยดีเลย ทำไมอ๊คต้องเป็นคนนอนปิด มันไม่ดีเลยถ้ามีคนมายืนอยู่ข้างๆเตียงทำไง!

“ไอ่ชาน ขยับไปหน่อยได้ป่าวว่ะ..”
“ไม่ได้แล้วฮยอง”
ในเมื่อจุนโฮหันไปนอนกอดกับมินจุนจนชิดและเขาก็นอนติดจุนโฮขนาดนี้แล้วมันขยับไปไหนไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วทำไมจุนโฮต้องหันไปนอนกอดกับมินจุนฮยองด้วยเนี่ย.. อุส่าชิงพื้นที่มาได้แล้วเชียว..

ครืนนน…
ท้องฟ้าคำรามขึ้นมาอีกครั้ง แสงสว่างวูปวาบทำให้เขาเห็นรูปบรรพบุรุษเมื่อราวๆร้อยกว่าปีจ้องหน้าไม่เลิก

“ทำแบบนี้ระเบิดยาสลบใส่กูเลยเถอะ”
แทคยอนงอแงออกมาด้วยความกลัว คืนนี้ทั้งคืนเขาหลับไม่ลงแน่ๆ ว่าแล้วก็หันไปกอดมักแน่เนื้อแน่น

“ย๊าาส์ๆๆ ฮยองทำอะไรเนี่ยย”
“กูกลัว กูไม่ยอมนอนหันไปทางหน้าต่างเด็ดขาด!”
ร่างกายสูงใหญ่ซุกเข้าหาตัวชานซองพร้อมกับกอดคนตรงหน้าไว้ทั้งตัว

“ผมขนลุก! ฮยองงงงง”
“นายจะโวยวายทำไมเนี่ยชานซอง!”

จุนโฮเหวขึ้นมาเพราะแค่นี้ก็ผวาจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ยังจะเสียงดังเรียก..ชาวบ้านชาวช่อง..แถวๆนี้ออกมาอีก.. ว่าแล้วจุนโฮก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดคอ มินจุนเองก็นอนหลับตาแน่นไม่ห่าง

“ก็แทคฮย..”

เปรี้ยงง~!!!
ชานซองกลืนเสียงโวยวายของตัวเองลงลำคอทันที ดูเหมือนว่าฟ้าฝนจะไม่เต็มใจให้เขาเสียงดังเท่าไร เห็นแบบนี้จึงวาดแขนเข้าไปกอดแมวยักษ์ทันที

อย่างน้อยขอมีความมั่นใจว่าจะไม่มีใครแปลกหน้าที่ไหนมานอนใกล้ๆก็พอใจแล้วจุดนี้ ภาพของเมมเบอร์ชื่อดังอย่างทูพีเอ็มนอนกอดกันเป็นคู่ๆถ้ามันได้เผยแพร่ออกไปละก็ ภาพพจน์ไอดอลสัตว์ป่าที่สั่งสมมาต้องแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีแน่ๆ

ทุกคนพยายามข่มตานอนให้เร็วที่สุด แต่แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีซักคนที่จะทำแบบนั้นได้ จุนโฮนอนพลิกตัวไปมา ไม่ว่าจะท่องหรือสะกดจิตให้ตัวเองง่วงนอนแค่ไหนก็ไม่เป็นผลทำให้ร่างสูงข้างตัวพลิกตัวผละออกจากกล้ามแน่นของแทคยอน หันมาถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม

“นอนไม่หลับหรอ”
“ใครจะนอนลงกันละ..”

บรรยากาศแบบนี้ให้ตายยังไงก็หลับไม่ลง ทั้งเสียงฟ้าร้อง เสียงฝนตก กลิ่นแปลกๆของห้องพัก ที่สำคัญความรู้สึกที่คั่งค้างอยู่ในใจ เมื่อเย็นนั้น.. ไม่ใช่มือของชานซองจริงๆหรือไง..

“อ้ะ!”
“ชู่ว..”

จู่ๆสัมผัสอุ่นๆก็แผ่ซ่านเข้ามาผ่านฝ่ามือทำจุนโฮสะดุ้ง ชานซองกระชับมือเบาๆเป็นเชิงเพื่อบอกว่านี่ไม่ใช่ใครที่ไหน..

“จับไว้..”
“มือ..มือนายหรอ”
ตอนนี้คนตัวเล็กระแวงทุกอย่างไปหมด

“อืม..มือฉันเอง นอนซะ ฉันจะยังไม่นอนจนกว่านายจะหลับ”
“ทำไม..”

“ฉันจะคอยดูให้ไงว่าไม่มีใครที่ไหนจะมากวนนายได้”
“อะ..อืมม.. แล้วเมื่อตอนที่อยู่ตรงเคาท์เตอร์ นายได้จับมือฉันรึเปล่า..”

“….”

เคาท์เตอร์.. จำได้ว่าเขากำลังล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างเพื่อเช็คดูว่ามีอะไรตกหล่นไปบ้างรึเปล่า ไม่ได้จับมือจุนโฮเลย..

“ชานซอง..”
เสียงหวานสั่นท้วง เงียบแบบนี้คืออะไร..

“ใช่..ฉันเอง..ตอนนั้นฉันมือเปียกน่ะ..”
และเขาก็เลือกที่จะโกหกเพื่อความสบายใจของเพื่อนสนิท

กึกก.. กึกๆ
เสียงของบางอย่างสั่นกระทบกันดังขึ้นมาดื้อๆ มือบางรีบกระชับมือเข้ากับอีกคนแน่น

อะไรอีกเนี่ย…

.

.

.

————————————
ฮอลล อย่าถามหาสาระในฟิคเรื่องนี้ อ่านคลายเครียดนะคะ 5555
เหมือนเดิม เรียงเลข 1-6 ให้เค้าด้วยนะ สุดท้ายนี้ แทคชานฟิน -.,- 55555

writer : wakkks , rainstill , AatbWoo , Yochan , PaiPOPcoRn , Peachyhachi
tag : #เดอะรูมเมท

—————

.

.

โอกาสที่สมาชิกจะได้พักร้อนหนึ่งอาทิตย์เต็มมีไม่บ่อยนัก เพราะงั้นสมาชิกวง 2PM ก็ออกจะตื่นเต้นที่จะได้หยุดยาวพักผ่อน ณ เกาะปันหยี

จะมีก็แค่คนเดียว ที่ตื่นเต้นได้ไม่นานก็กลับมาหน้าบึ้งต่อ ซึ่งนั่นก็คือ ฮวางชานซอง ที่อารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เห็นพี่คุณกับจุนโฮทำตัวสนิทสนมกันต่อหน้าต่อตา แล้วไม่ทันไร สองคนนั้นก็โอ๋กันอีกแล้ว ชานซองอดหงุดหงิดไม่ได้ที่เห็นภาพแบบนี้

นี่พักนี้เขาเป็นอะไรกันแน่ อารมณ์เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงไม่ต่างจากจุนโฮเลยสักนิด เคยว่าหมอนั่นเอาไว้แท้ๆ แต่กลับเป็นเองซะอย่างงั้น 

ทำไมต้องหงุดหงิดเวลาที่เห็นไอ้ตาตี่อยู่กับพี่คุณด้วยนะ ทำไมต้องเจ็บแปลบที่รู้ว่าอีกฝ่ายแอบชอบรุ่นพี่ชาวไทยด้วย

ทำไม ทำไม น้องเล็กร่างยักษ์มีแต่ความสงสัยเกิดขึ้นในใจ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่เข้าใจตัวเองเสียทีว่าเป็นเพราะอะไร การชอบเพื่อนมันทุเรศ ชานซองเคยคิดอย่างนั้น หรือเพราะความคิดแบบนั้นยิ่งทำให้หงุดหงิดใจก็ไม่รู้ ที่เคยพูดอะไรก็ดูเหมือนจะเข้าตัวเองซะหมด

“ชานซองเป็นอะไรไป ไม่ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกันเหรอ”
พี่คุณเอ่ยถามน้องเล็กที่กำลังยืนทำหน้าบึ้ง คิ้วก็ขมวดกันอย่างคิดไม่ตก พอสติกลับมาก็รีบตอบ

“ดีใจสิฮยอง เราจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนยาวเลยนะ”
เขาทำเสียงตื่นเต้น ดีใจก็จริง แต่ก็หงุดหงิดใจด้วยเหมือนกัน

“เที่ยวคราวนี้ผมจะกินให้พุงกางเลย ฮ่าๆๆๆ”
อูยองเอ่ยบ้าง สายตาพลางมองพี่คุณที่อมยิ้มส่งให้

”ว่าแต่ครั้งนี้เราจะจับคู่ห้องนอนกันยังไงดีล่ะ?”
แทคยอนพูดแทรก ทำให้ทุกคนหันมามองเป็นสายตาเดียวกันอย่างครุ่นคิด

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ พวกแกจะรีบคิดกันไปถึงไหน กระเป๋าน่ะเก็บกันรึยัง อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้วนะ”
พี่ใหญ่เดินผ่ากลางวงน้องๆ ที่ยืนคุยกันขวางทางเดินในหอ เสียงบ่นโวยวายยังดังตามมาให้ได้ยิน ทั้งๆ ที่ตัวพี่แกก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนที่เปิดประตูทิ้งไว้แล้ว

“นั่นสิ อูยองอา เก็บกระเป๋าเสร็จรึยัง ถ้ายังก็รีบไปเก็บเร็วเดี๋ยวจะไม่ทัน”
นิชคุณตบบ่าอูยองเบาๆ เจ้าของชื่อเองก็พยักหน้าตอบแล้วทั้งสองก็แยกย้ายกันเดินกลับห้อง ทิ้งไว้ก็แต่ชานซองกับแทคยอนที่ยังยืนนิ่งกันอยู่ที่เดิม แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร ร่างของรองมักเน่ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้อง สองสายตาของน้องเล็กตัวโตกับรองมักเน่ก้นงอนก็สบประสานสายตาเข้าหากันพอดิบพอดี

“เออกูลาก่อนล่ะ ลืมไปว่ายังเก็บของไม่เสร็จ”
แทคยอนพูดจบก็รีบกุลีกุจอเดินหายเข้าไปในห้องนอนตัวเองทันทีอย่างไม่คิดที่จะหันกลับมามองน้องทั้งสองที่ยังคงยืนสบตากันนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

เหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนยังทำเอาเขาเสียวสันหลังวูบไม่หาย คราวนี้จะไม่ให้ประวัติซ้ำรอยอีก
กูเข็ดครับ!

“ยืนขวางประตูทำไม ที่ก็ออกจะกว้าง”
จุนโฮพูดจบก็เบะปากแล้วเดินกระแทกไหล่ใส่ชานซองเพื่อเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล แต่ยังไม่ทันที่จะเดินผ่านพ้นร่างโตๆ ของน้องเล็กในวง ชานซองที่ยืนนิ่งทื่ออยู่ที่เดิมก็รีบจับข้อมือเรียวไว้แล้วกระตุกให้หันมาเผชิญหน้ากัน

“อะไร! ฉันจะไปอาบน้ำ มีอะไรก็รีบๆ พูดมา อมขี้ไว้ในปากอยู่รึไง”
“พูดดีๆ ไม่ได้รึไง”

“ดีๆ”
“……..”

“ปล่อยได้รึยัง?”
ไม่พูดเปล่า จุนโฮก็พยายามสะบัดมือเหนียวๆ ของชานซองออก แต่มันเป็นเรื่องยากเหลือเกินในเมื่ออีกฝ่ายก็ดูจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ

“ตอนไปเที่ยว ฉันขอนอนห้องเดียวกับนายนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว เบาซะจนอีกฝ่ายแทบไม่ได้ยิน
“ห้ะ? เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ” ดวงตาเรียวหรี่ลงแล้วเอียงคอถามอีกฝ่ายอีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าพูดออกมาไม่ถนัด

“ปั๊ดโถ่เว้ย ไม่พูดแล้ว!!!”
ชานซองสะบัดข้อมือจุนโฮทิ้งแล้วเดินกระแทกเท้ากลับเข้าห้องตัวเองทันทีโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายที่ยังยืนมองตามหลังเขาอยู่จะงุนงงหรืออารมณ์เสียกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของตนรึเปล่า

“เป็นบ้าอะไรของมันวะ พูดจาไม่รู้เรื่อง พอถามอีกก็มาอารมณ์เสียใส่”
จุนโฮพูดงึมงำกับตัวเองเบาๆ สายตาก็มองตามแผ่นหลังหนาของชานซองจนหายลับเข้าไปในห้องแล้ว
ร่างเล็กยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแล้วหมุนตัวเดินไปทางห้องน้ำโดยไม่คิดจะใส่ใจกับท่าทีหงุดหงิดของชานซองเมื่อครู่
สายตาสองคู่มองตามหลังน้องเล็กก้นงอนที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะหันกลับมามองหน้ากัน ดวงตาเรียวสองคู่สบประสานสายตากันพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า

“นายคิดเหมือนฉันมั้ยบีหนึ่ง” แทคยอน
“คิดห่าอะไรอยู่ล่ะบีสอง พูดมาก่อนสิวะ” มินจุน

“อ่าวฮยอง วู้วว แก่แล้วสมองยังจะคิดช้าด้วยรึไง”
“อ่าวๆ ไอ้นี่นิ ปากอ่ะ อยากโดนประตูหนีบปากสักทีมั้ย”

“โถ่ววว ผมก็พูดเล่นน่า”
แทคยอนกับมินจุนที่ยืนหลบเกาะขอบประตูห้องชะโงกหน้าออกไปมองสังเกตการณ์ของคู่น้องเล็กตั้งแต่ต้นก็ผลุบหัวกลับเข้ามายืนเถียงกันต่อในห้อง เมื่อเหตุการณ์ที่ตนได้เห็นและได้ยินเมื่อครู่ทำให้แทคยอนคิดอะไรดีๆ ขึ้นได้

“ฮยองไม่ได้ยินที่ไอ้ชานมันพูดรึไง”
“โว๊ะ ฉันจะไปได้ยินยังไง มันละเมอรึมันพูดออกมาจริงๆ กันแน่วะ อย่าว่าแต่ฉันเลย จุนโฮมันยืนก้นงอนอยู่ตรงนั้นมันยังไม่ได้ยินเลย”

“โถ่ฮยอง นอกจากสมองจะคิดช้าแล้ว หูฮยองยังจะไม่ค่อยดีอีก”

ป้าบ!
พี่ใหญ่จัดการหยิบหนังสือบนโต๊ะฟาดเข้าที่อกแทคยอนเต็มๆ จนร่างสูงเซถอยหลังร้องโอดโอยแสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาซะเกินจริงจนน่าหมั่นไส้

“แล้วตกลงไอ้ชานมันพูดว่าอะไร”
“มันขอนอนห้องเดียวกับไอ้ตี๋น่ะสิ!!” แทคยอนกลับมายืนตัวตรง ก่อนจะพูดไขความกระจ่างให้กับพี่ใหญ่ที่ยืนทำตาโต ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับเหนี่ยวคอของแมวยักษ์ลงมา

“เออ งั้นเอางี้ เดี๋ยวครั้งนี้ก็ให้พวกมันนอนด้วยกัน”
“ฮยองจะเป็นคนจัดห้องเหรอ” แทคยอนเอ่ยถาม

“ใช่ ฉันจะจัดเอง ส่วนนายก็ไปนอนกับคุณ ฉันจะไปนอนกับอูด้ง”
“เฮ้ย!! ได้ไงล่ะ ทำไมเราไม่นอนด้วยกันล่ะ!!”
แทคยอนดีดตัวผึงออกมายืนเท้าเอว คิ้วเข้มขมวดแน่นด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่พี่ใหญ่ได้แต่อ้าปากพะงาบๆด้วยความงุนงงกับอาการของคนตัวสูง

“อะไร ทำไมล่ะ ทำไมต้องนอนด้วยกันด้วย”
“ก็… ก็ไม่เห็นเหรอว่าเมื่อคืนด้งกับไอ้คุณมันนอนด้วยกันน่ะ แสดงว่ามันต้องมีซัมติงงุ้งงิ้งจุ้งจิ้งกันอยู่แล้วไงล่ะ ฮยองนี่ โว้ว!! แก่แล้วยังเข้าใจยากอีก!!”
หนังสือเล่มเดิมถูกยกขึ้นมาฟาดแผ่นอกหนา คำก็แก่ สองคำก็แก่ ไอ้บ้านี่ วอนซะแล้ว!

“เออๆๆๆ เอางั้นก็ได้ ตามนั้นละกัน ไปเก็บกระเป๋าไป จะได้ไปบอกพวกนั้น” มินจุนว่าก่อนจะคว้ากระเป๋าของตัวเองมาถือเอาไว้ เปิดตัวเสื้อผ้ายัดของจำเป็นทุกอย่างใส่ลงไปด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่แทคยอนยืนยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว มินจุนฮยองเนี่ยน้า…

.
.
.

“สรุปก็คือ ฉันนอนกับแทค อูด้งกับคุณ แล้วก็นายสองคน นอนด้วยกัน อย่าแม้แต่จะอ้าปากเถียง ทะเลาะกันดีนัก นอนด้วยกันไปซะ”
มินจุนใช้อำนาจของพี่ใหญ่ที่ใช้ไม่เคยได้ผลบังคับให้ทุกคนเชื่อฟัง แต่เพราะมีแค่จุนโฮที่ทำท่าจะเถียง อำนาจครั้งนี้เลยใช้ได้ กระเป๋าทุกใบถูกนำออกมาวางกองไว้รวมกัน

“เราจะไปไหนกันบ้างอะ เกาะปันหยีที่ว่านี่หน้าตาเป็นยังไง”
อูยองเอ่ยถามขึ้นมา เพราะการเดินทางที่ดูจะกะทันหันทำให้เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเที่ยวครั้งนี้เลย ทุกสายตาจับจ้องไปที่นิชคุณ เพราะเกาะปันหยีที่ว่านี่อยู่ที่ประเทศไทย

“เกาะปันหยีอยู่จังหวัดพังงาน่ะ เราก็ไปพังงากันก่อน ค่อยนั่งเรือไปเกาะปันหยีกัน เสร็จแล้วก็ไปภูเก็ตต่อ ดีมั้ย” เสียงทุ้มนุ่มอธิบาย ในขณะที่ทุกคนกระเด้งตัวนั่งตรง
“ภูเก็ตตตตตต” จุนโฮเป็นคนแรกที่ตะโกนออกมา พวกเขาอยากไปภูเก็ตมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสซักที

“งั้นเราไปกันเลยเถอะ!”

หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งกันมาเกือบๆ 10ชั่วโมง ทั้งหกคนก็เดินทางมาถึงเกาะปันหยี เกาะปันหยีเป็นเกาะที่ไม่มีหาดทรายเหมือนเกาะอื่น และก็เรียงรายไปด้วยร้านค้ามากมาย บวกกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้วพวกเขาก็ดูไม่ค่อยจะแปลกตามากนัก

“ทุกคนเรือเที่ยวสุดท้ายจะออกจากเกาะออกตอนห้าโมงเย็นนะ ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าๆเรามีเวลาเที่ยวร่วมๆห้าชั่วโมง” นิชคุณอธิบายให้อีกห้าคนฟัง
“หิวว่ะไอ้คุณ หาของกินกันหน่อยดีไหม เอ๊ะ!!!! ไอ้นี่หนิเป็นบ้าไรวะ งอแงอยู่ได้”
มินจุนหันไปแหวใส่แทคยอนที่เอาแต่ส่งเสียงงุ้งงิ้งๆตั้งแต่มาถึงเกาะแล้ว

“ไม่เห็นมี….ฮึก….”
พูดพลางเบะปากราวกับจะร้องไห้ ทุกคนมองแทคยอนเป็นตาเดียวด้วยสีหน้าอึ้งๆ ก็แหงล่ะผู้ชายตัวเท่าหมีป่ามาเบะปากทำเสียงกระซิกๆคงดูอุจาดตาไม่น้อย

“ไม่มีอะไรวะ เห็นพูดแต่ประโยคนี้ตั้งแต่ลงเรือแล้วนะ อะไรหายเหรอ?”
มินจุนยังคงถามน้องด้วยความเป็นห่วง ถ้าเกิดว่าของสำคัญหายจะได้ช่วยกันหา

“ไม่มี….ฮึก…” แทคยอนยังคงเบะปากต่อไปไม่ยอมตอบคำถามของมินจุน จนน้องๆในวงสังเกตได้ถึงเส้นเลือดอาเตอร์รี่ที่เต้นตุบๆอยู่ตรงขมับข้างขวาของพี่ใหญ่ และก็ได้ยินเสียงขาดผึงตามมา

“ไม่มีห่าไม่มีเหวอะไรก็พูดมาดิวะ มัวแต่งอแงมันจะลอยมาตรงหน้ามึงไหม ตอบบบบบบบบบ และถ้าแมร่งเป็นของสำคัญที่มันตกทะเลแล้วล่ะก็ แมร่งคงลงไปเซย์ไฮกับปลาเรืองแสงแล้ว เข้าใจที่พูดไหมเนี่ย ถ้ายังก็รีบๆเข้าใจซะกูหิวข้าวจนจะกินปลาได้ทั้งอ่าวแล้วเนี่ย เอา!!พูดมามึงจะเอาอะไร”

มินจุนขึ้นเสียงออกมาอย่างเหลืออด นิชคุณพยายามดึงรั้งแขนของพี่ใหญ่ไว้เป็นการห้ามปรามไม่ให้มินจุนพลั้งมือฆ่าเด็กอนุบาล อูยองก็บอกให้พี่ใหญ่ใจเย็นๆ จุนโฮยืนกอดอกมองพี่ชายตัวโตด้วยความเวทนา ส่วนชานซองก็กำลังโซ้ยไอติมมะพร้าวกะทิอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้

“ฮึก….ไม่มี…ไม่เห็นมีสาวๆใส่บิกินี่เลยอ่ะ อ๊คเสียใจอ๊คผิดหวัง”
“ถุยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ทุกคนพร้อมใจกันถุยใส่หมีป่าอ๊คแทคยอน ฝ่ายแทคยอนเมื่อเห็นดังนั้นก็หลุดขำออกมา จนทุกคนพากันเดินหนี

“รออ๊คด้วยยยยเดี๋ยวอ๊คหลงทาง”

.
.
.

“ว้าววววววววววว” ทุกคนต่างร้องเป็นเสียงเดี๋ยวกันเมื่ออาหารถูกนำมาเสริฟตรงหน้า ข้อดีของการมาทะเลคืออาหารทะเลจะสดและราคาถูกกว่าในเมืองมากโข ทั้งหกคนจึงสั่งอาหารกันชุดใหญ่ ทันทีที่อาหารเรียงรายมาเสริฟทุกคนก็ตกตะลึงในหน้าตาของอาหาร ทั้งกุ้งเผา ปูม้านึ่ง หอยนางรมสดๆ ปลาหมึกย่างพร้อมน้ำจิ้มซีฟูด ปูผัดผงกะหรี่ ต้มยำกุ้ง ไม่รอช้าทุกคนก็รีบลงมือทานอาหารกันในทันทีเพราะหิวจัด

“คุณฮยองครับ ผมแกะปูไม่ได้ ฮยองแกะให้หน่อยได้ไหมครับ?”
อูยองหันไปหาคนพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมยื่นขาไปปูไปให้

“ได้สิ”
นิชคุณยิ้มออกมาเล็กๆ ก่อนจะหยิบขาปูไปแกะให้ตามคำขอ แทคยอนผู้ซึ่งเห็นเหตุการณ์สวีทหวานตรงหน้าเกิดอาการริษยาลงตับจึงหยิบหอยนางรมก่อนจะยื่นไปตรงหน้าของมินจุนที่ง่วนอยู่กับการหั่นปลาหมึกย่าง

“มินจุนฮยองครับ ผมแงะหอยไม่ได้ ฮยองแงะให้หน่อยได้ไหมครับ?”
แทคยอนพูดเลียนแบบอูยองทั้งประโยคต่างกันแค่ประธานกับกรรมเท่านั้น
“แงะเองดิ เป็นง่อยเหรอ แขนใหญ่ยังกะต้อม้อสะพานอย่ามาแอ๊บแรงน้อย แงะเอง”
และคำตอบที่ได้ออกมาก็ต่างกันลิบลับจนแทคยอนอยากจะวิ่งไปร้องไห้ในมุมมืด ทำไมนายหัวมินจุนถึงใจไม้ไส้ระกำกับโสรแทคอย่างนี้

“อ๊ะๆๆๆ ไม่ต้องเบะมาๆแงะให้ ทำหน้ายังกะเด็กดาวอายเขา”
มินจุนคว้าเอาหอยนางรมจากมือแทคยอนไปแงะให้ตามคำขอ นี่แหละนิสัยของพี่ใหญ่เขาล่ะปากร้ายแต่ใจดี ฝ่ายน้องเล็กทั้งสองที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานไม่พูดไม่จากับราวกับไปโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อนนั้นทำให้นิชคุณอดที่จะอยู่เฉยไม่ได้เลย เขาแกะกุ้งตัวอวบๆตัวหนึ่งก่อนจะวางลงบนจานของจุนโฮ

“ชิมกุ้งเผาสิจุนโฮ หวานกรอบมากเลยนะ”
จุนโฮส่งยิ้มให้พี่ชายที่แสนดีก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณออกมา จนชานซองที่อยู่ในเหตุการณ์อดรนทนไม่ได้จนต้องพยายามทำคะแนน
“จุนโฮปูผัดผงกะหรี่อร่อยมากเลยนะ ลองชิมๆ”
ชานซองพูดพลางตักปูชิ้นโตวางลงบนจานของจุนโฮ

“ขอบใจ” จุนโฮเอ่ยออกมาแผ่วเบา
“กินต้มยำกุ้งไหม ฮยองตักให้” และก็เป็นนิชคุณอีกครั้งที่เสนอตัวตักกับข้าวให้จุนโฮ แต่ก็ไม่ทันที่จะได้ตัก ต้มยำกุ้งก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของจุนโฮด้วยฝีมือของชานซอง

“อ่ะ ต้มยำกุ้ง” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเอื้อมไปตักกับข้าวมาวางบนจานจุนโฮอีก
“แล้วนี่ปูม้านึ่ง” ชานซองคว้าเอาขาปูม้ามาจากมืออูยองก่อนจะวางลงบนจานจุนโฮ

“อ๊ะ..ชานซอง”
“แล้วนี่ก็หอยนางรม” ชานซองแย่งหอยนางรมมาจากมือของแทคยอนก่อนจะวางลงบนจานจุนโฮอีกครั้ง
“ไอ้ชานนนนนเอาคืนมา”

“แล้วนี่ก็…”
“พอได้แล้ว นายจะตักอะไรกันนักกันหนา มันปนกันมั่วจนจะเหมือนข้าวหมาอยู่แล้วนะ เป็นบ้าอะไรของนาย”
จุนโฮชักจะหมดความอดทน แรกๆก็ดีอยู่หรอกที่ชานซองมาเอาใจ แต่พอมากๆเข้าก็ชักจะไม่ไหวเหมือนกัน มันมากไปจนน่าหงุดหงิด

“พอๆๆๆๆ อย่าทะเลาะกัน มาเที่ยวทั้งทีจะมาตีมากัดกันทำไมวะ รอกลับเกาหลีก่อนก่อนฮยองจะซื้อปืนให้คนละกระบอกแล้วจะฆ่ากันยังไงก็เชิญ แต่ตอนนี้ขอล่ะ ฮยองกราบบบบบ สงบศึกกันก่อนได้ไหม?”
มินจุนเอ่ยก่อนที่น้องเล็กทั้งสองจะส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆแล้วก็หันไปกินอาหารในจานต่อ

เฮ้ออออออ คือสิหน่ายแท้หน้อ ปวดเฮดแท้เหลา

“คิมนิคคุณ หอยอร่อยอ้ะ หอยใหญ่มาก อยากเหมากลับเกาหลี”
แทคยอนเงยหน้าจากการพยายามแงะหอยนางรมเพื่อบอกนิชคุณ นิชคุณเห็นหอยนางรมในจานพร่องไปเยอะเพราะแทคยอน เขาทำหน้าสยดสยองเล็กน้อย ลืมบอกไอ้แทคว่าหอยนางรมพลังมันร้ายแรง ตายๆๆ ไอ้แทคเอ้ยยยยยย กินอะไรไม่รู้จักพอดี เห็นว่าหอยอร่อยหน่อยก็ฟาดเอาๆ ต่างจากชานซอง รายนั้นกินทุกอย่างๆละนิดอย่างละหน่อยเท่านั้น เตือนตอนนี้ยังทันสินะ

“แทค กินหอยนางรมมากไม่ดีนะ”
นิชคุณเตือนแทคด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมอ้ะนิคคุณ อร่อยออก ยิ่งกินคู่กับหอมเจียวแล้วน้ำจิ้มนี่อีก ย๊าห์ ชีวิตของอ๊คแทคยอนให้กินหอยทั้งชีวิตก็กินได้นะ”
นั่นไง เตือนแล้วฟังทีไหน แถมยังตักเพิ่มมาใส่จานอีก อ๊คแทคย๊อนนนนนน เดี๋ยวรู้เรื่องแน่คืนนี้ หอยนางรมกินเยอะๆแล้วมัน…

คุณนี่ศูนย์หกสองสี่อยากเอาหัวโขกโต๊ะ! หอยนางรมมันคือยาโด๊ปดีๆนี่แหละเว้ยยยย คิมมินจุนฮยองครับ อยากให้สู้นะคืนนี้ อยากให้สู้ ถ้าไอ้แมวยักษ์นี่เกิดพิเรนทำอะไรทะลึ่งตึงตังขึ้นมา เคลียร์กันดีๆ ไม่รู้จะบอกมันยังไงล้ะ ไม่ฟังกันเล้ยยยย

ทั้งหกคนใช้เวลาไม่นานในการจัดการอาหารมื้อใหญ่มื้อนี้ ต่อมาขนมหวานและผลไม้มาเสิร์ฟ ขนมหวานเป็นของท้องถิ่นของที่นี่ หากินยาก ประเทศไทยนี่อุดมสมบูรณ์จริงๆ มาทีไรอาหารทั้งคาวหวานพร้อมตลอด

นิชคุณผู้เป็นเจ้าบ้านและล่ามจำเป็น พาสมาชิก 5 คนเดินซื้อของฝากตามร้านรวงต่างๆ มีของที่ระลึกขายมากมาย เนื่องจากที่ชาวบ้านบนเกาะปันหยีส่วนใหญ่ยึดอาชีพหลักเป็นชาวประมง ของที่ระลึกส่วนใหญ่จึงของเป็นของที่หาได้จากเกาะนี้ แทคยอนยังแอบงอแงเล็กน้อยอยากจะสั่งหอยนางรมกลับไปกินที่โรงแรม แต่นิชคุณไม่ยอมท่าเดียว นิชคุณเป็นคนรับผิดชอบเรื่องเงินที่นำมาเที่ยวด้วย ขืนให้สมาชิกในวงถือเงินซื้อของกันเองต้องได้ของแปลกๆกลับมาแน่

ทั้งหกคนเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างเพลิดเพลิน โดยเฉพาะห้าหนุ่มเกาหลีต่างตื่นตาตื่นใจกับสถานที่เที่ยวเพราะไม่เคยเห็นของแปลกๆหลายอย่าง ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว นิชคุณรีบต้อนบรรดาเพื่อนร่วมวงของเขาให้กลับไปที่ท่าเรือ อูยองยังอิดออดเพราะอยากได้ของฝากไปให้พี่สาวกับแม่ ชานซองกับมินจุนกำลังเล่นกับลูกของแม่ค้าด้วยนิสัยรักเด็ก แทคยอนเม้าท์มอยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติสาวสวยอย่างเมามันส์

คงจะมีแต่จุนโฮที่ดูพูดง่ายสุดแล้ว เฮ้อ เหนื่อยจริงๆ นี่สาบานว่าอายุเลย20กันหมดแล้ว จับปูใส่กระด้งชัดๆพวกนี้

“จุนโฮ สนุกมั้ยวันนี้” นิชคุณปาดเหงื่อบนใบหน้าพลางถามจุนโฮ
“สนุกครับ อาหารก็อร่อย ที่นี่สวยมากแถมยังไม่วุ่นวายด้วย คุณฮยองต้องพามาอีกนะ” จุนโฮยิ้มน้อยๆ นิชคุณคิดว่าจุนโฮอาจจะเหนื่อยจากการเดินทาง เพราะดูว่าตั้งแต่ที่ร้านอาหารก็ดูจุนโฮเงียบๆไป เขาเป็นห่วงความรู้สึกของเด็กคนนี้

ในที่สุดนิชคุณก็ไล่ต้อนบรรดาเพื่อนร่วมวงตัวแสบทั้งหลายให้มาถึงท่าเรือ เขารู้สึกดีมากที่ได้เที่ยวเป็นกรณีส่วนตัว พี่ผู้จัดการวงของเขาก็ใจดีกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ที่ยอมให้พวกเขาได้มาเที่ยวกันตามลำพัง บางทีเมเนเจอร์ฮยองคงอยากพักบ้างอะไรบ้างที่โรงแรม แถมที่โรงแรมก็มีแต่สาวๆใส่บีกินนี่เต็มไปหมด ถือว่าให้รางวัลเมเนเจอร์คนเก่งและแกร่งที่สุดในปฐพี

เรือรอบสุดท้ายจะมาประมาณห้าโมงเย็น พวกเขาทั้งหกคนจึงนั่งรอกันอยู่ที่ท่าเรือพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ส่วนใหญ่มีแต่คนต่างชาติ นิชคุณรู้สึกได้เล็กน้อยมีเสียงกระซิบกระซาบกันว่านี่2PMหรือป่าว แต่เขาเริ่มชินแล้ว นิชคุณจึงยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นที่พูดถึงพวกเขา

อยู่ๆแทคยอนทำหน้านิ่วแล้วเอามือกุมท้อง ปะ ปวดท้องงงงงง แทคคูลปวดท้อง แต่จะบอกนิชคุณยังไงดี ถ้านิชคุณรู้ว่าแทคคูลข้าศึกกำลังบุกประตูเมือง คุณนี่ศูนย์หกสองสี่ต้องฟาดแทคคูลตายแน่ๆ อันเดวววว อันเดวววววววววว ออตอเคคคค

แต่นี่มันไม่ไหวแล้วจริงๆนะ หรือจะเป็นเพราะคุณหอยนางรมที่กินเข้าไปเมื่อกลางวัน หอยนะหอย ใหญ่ซะเปล่าแต่ไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์โภคผลอะไรเลยว้อยยยยยย อร่อยนะแต่ทำไมทรยศลำไส้น้อยๆของแทคคูลอ้ะ ง้ากกกกก ไม่ไหวแล้ว

ออตอเคคคค ออตอเคคคค ..

มันใช่เวลามั้ยไอ้หอยใหญ่ที่จะมาสำแดงฤทธิ์เดชเนี่ยยยยยย ช่วยล้วยยยยยยยยยยย

ชานซองหันไปเห็นแทคยอนที่ยืนเอามือกุมท้องของตัวเองเหงื่อแตกพลั่ก เขารู้ดีว่าแทคยอนต้องผิดปกติอะไรซักอย่างแล้ว เขาเดินเข้าไปหาฮยองตัวเกรียนทันที

“แทคฮยอง เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”
ไม่นะชานซอง ขืนบอกไอ้หมอนี่ไปว่าอยากเข้าห้องน้ำต้องโดนขำแน่ๆ
“ไม่เป็นไรเว้ย สบายดี”
แทคยอนฉีกยิ้มให้กับน้องเล็กตัวโตอย่างฝืนๆ ชานซองหรี่ตามองแทคยอนอย่างไม่เชื่อ อย่ามาโกหกนะ แค่เห็นท่าทางก็รู้แล้ว

“ฮยองอย่ามาโกหกผมหน่อยเลย ฮยองปวดท้องอ้ะดิ อาการแบบนี้มันเหมือนคนท้องเสีย ไปบอกคุณฮยองกันเถอะ ขืนปล่อยไว้..อ๋า ไม่อยากจะคิด” ชานซองเบ้ปากแล้วจับแขนแทคยอนลากให้ไปหานิชคุณด้วยกัน

“ไม่เป็นไรจริงๆ ฉันสบายดี เนี่ยไง หายแล้วเว้ย”
แทคยอนกัดฟันยืนตัวตรง จะบ้าหรอ ขืนไปเข้าห้องน้ำก็ไม่ทันเรือรอบสุดท้ายพอดีอ้ะดิ ไม่อยากเป็นตัวถ่วงหรอกนะ ถ้าพลาดเรือเที่ยวสุดท้ายไป จะไปนอนไหนกันล่ะทีนี้ แถมรับปากเมเนเจอร์ฮยองแล้วด้วยว่าจะกลับถึงโรงแรมตอนเกือบๆทุ่ม
“ฮยองแน่ใจ? ข้าศึกมันไม่ประนีประนอมหรอกนะบอกให้ ถ้ามันมาบุกแล้วมันก็คิดจะตีประตูเมืองให้แตกอย่างเดียว อย่าดื้อเดะฮยองงงงงง ไปปปป ไปกับผมเดี๋ยวนี้”

“ม่ายยยย ไอ้หมีนิ้วอ้วน ไม่ไป ราวม่ายปายยยยย เดี๋ยวปั๊ดเอาฟันเฉาะให้แขนขาด ม่ายยยยย อันเดววววววว”
แทคยอนยื้อยุดฉุดกระชากกับชานซองไปมา นักท่องเที่ยวที่อยู่แถวนั้นเริ่มมองทั้งสองคนอย่างงงๆ อูยองสะกิดนิชคุณเล็กน้อยว่าตัวแสบประจำวงกับเด็กขี้มึนเหมือนจะทะเลาะกัน นิชคุณตกใจรีบเข้ามาเคลียร์

“เป็นไรแทค”
พ่อตัวดีหยุดโวยวายพลางหันควับไปหาเจ้าของเสียงนุ่มจนคอแทบเคล็ด ชิบหายละ.. ใคร.. ใครฟ้องนิชคุณ..

“ป..ป่าวแค่..เล่นต่อยท้องกับไอ่ชานน่ะ แหะๆ”
ว่าแล้วก็ทำท่าพุ่งเข้าไปต่อยท้องมักเน่ตัวโตเเพื่อความสมจริง

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น.. เมื่อกำปั้นหมีพุ่งสวนกลับมาอย่างที่เขาสองคนชอบเล่นด้วยกันด้วยกันบ่อยๆ แต่เพราะเวลานี้มวลสารในตัวแทคยอนกำลังโกลาหลซะยิ่งกว่าลาวาที่พร้อมจะประทุ..

“อุก! อ..ไอ่ชาน.. ไอ่ฝัดดดด…”

.
.
.

“ฮยองงงง เสร็จยางงงงง”
“เดี๋ยวดิว่ะ เฝ้านิดเฝ้าหน่อยทำเป็นบ่น!”
เสียงที่ตะโกนกลับมาทำเอาชานซองตัดสินใจย่อตัวลงนั่งกับพื้นพลางเอามือเท้าคางมองนู้นมองนี่แก้เซ็ง.. แบบนี้แถวบ้านเรียกกินโง่ชัดๆ กินยังไงให้ท้องเสียได้ขนาดนี้

ยกนาฬิกาคู่ใจขึ้นมาดูก็พบว่าเวลาขอเขาใกล้จะหมดลงเรื่อยๆ อีกห้านาทีเรือรอบสุดท้ายกำลังจะมาถึง.. ไม่ได้การละ..

“ฮยอง!! เร็วๆดิ เดี๋ยวก็ตกรอบเรือหรอก!”
“คนจะเขร้มันเร่งกันได้ที่ไหหนเล่าาา!!”

“ไม่รู้แหละ นับหนึ่งถึงสามถ้าไม่ออกมาผมจะพังเข้าไป!”
“ย๊าาาส์!! ไอ่บ้า ลองพังเข้ามาดิ เจออาก้ากูระเบิดใส่หน้าแน่!”

ได้ยินแบบนั้นฮวางชานซองก็หยุดกึก.. เบ้ปากด้วยความขยะแขยง ไม่เร่งก็ได้ว่ะ แต่จะทำยังไงเนี่ย อีกห้านาทีเรือจะออก แล้วนี่ก็.. อีกสี่นาที!!

เขาว่ากันว่า ยิ่งเร่งยิ่งช้า.. โอเคชานซองจะไม่เร่ง พยายามอยู่เงียบๆให้อีกคนได้ใช้สมาธิไป เดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบก็ไม่มีวี่แววของแทคยอนว่าจะออกห้องน้ำได้เลย

อีกสองนาทีครึ่ง..
เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังชัดขึ้นมา ชานซองเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นคนที่ทำให้เขาอารมณ์เสียมาทั้งวัน อีจุนโฮ.. ใบหน้าหวานบึ้งตึงราวกับว่าถูกบังคับ

“อ่าว..ไปไม่รอเรือบกับฮยองคนอื่นหรอ”
“ก็เพราะฉันถูกบังคับให้มาตามนายสองคนน่ะสิ”
พูดน้ำเสียงสะบัด ตามจริงเขาไม่ค่อยอยากจะมาตามคนเข้าห้องน้ำเท่าไร บอกตรงๆไม่ใช่สไตล์จุนโฮเลย

“แทคฮยอง ถ้ายังไม่ออกมาในหนึ่งนาทีนี้ ผมจะพังประตูเข้าไปแน่!”
เสียงแหลมของจุนโฮดังแผดไปทั่วจนชานซองเผลอผงะตัวถอยหนีเสียงนั่น

“อะไรว่ะ พูดเหมือนไอ่ชานเลย เป็นเนื้อคู่กันรึไง! แปปเส้~!”

และประโยคที่พึ่งหลุดออกจากปากแทคยอนก็ทำเอาคนนอกห้องน้ำนิ่ง.. รวมถึงแทคยอนเองด้วยเช่นกัน ตายละ อ๊คเผลอพูดอะไรออกไป..

นอกจากเขาจะโดนสองมักเน่กวนใจในเวลานี้แล้ว เขายังต้องมาสำนึกคำพูดที่เผลอพูดทิ้งระเบิดออกไป.. ไม่อยากจะคิดสภาพไอ่สองคนนั้นเลย

ชานซองเสมองออกไปที่อื่นเพราะคำพูดนั้นมันทำให้ภาพสัมผัสอุ่นๆวันก่อนฉายแวบเข้ามาในสมอง

ส่วนจุนโฮกำลังอารมณ์เสียมากๆ เพราะเขากำลังอึดอัด.. อึดอัดเพราะคำพูด อัดอัดเพราะบรรยากาศแปลกๆ อึดอัดเพราะทุกอย่าง.. ตั้งแต่เหล่าฮยองมีท่าทีเปลี่ยนไป

จุนโฮรู้สึกเหมือนเขากำลังโดนต้อน ไม่รู้ว่าต้อนเรื่องอะไรแต่แน่ใจว่ามันทำให้เขาอึดอัด..

“ออกมาเดี๋ยวนี้นะฮยอง!! ชอบทำเรื่องให้คนอื่นปวดหัวนักนะ! ถ้าขืนยังไม่ออกมาอีกผมจะปล่อยฮยองไว้ที่นี่แหละ!”

ได้ทีก็หันไปออกปากโวยวายฮยองตัวแสบ เขาไม่อยากจะพาลใส่ใคร เพราะความรู้สึกลึกๆมันบอกว่าคนในห้องน้ำนี่แหละทำให้เขากับชานซองเหมือนมีอะไรยางอย่างกลั้นกลางไว้ตลอดเวลา

แล้วคราวนี้กำลังจะทำให้ตกรอบเรือเที่ยวสุดท้ายอีก!!

“จุนโฮ อย่าโวยวายสิ”
“นายไม่ต้องเลย! ดูนาฬิกาเถอะมันจะไม่ทันอยู่แล้ว”
คนตัวเล็กคงไม่รู้ตัวว่ากำลังทำหน้ามุ่ยขนาดไหน เพราะอารมณ์ที่สั่งสมมานานเลยทำให้เขาพร้อมสติแตกได้ทุกที

ชานซองยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูและพบว่า ..

Arrrrr..
“ฮัลโหลครับ”
จุนโฮกดรับโทรศัพท์ด้วยท่าทางนิ่งๆ

มันเลยเวลาของเรือรอบสุดท้ายแล้ว..

“ห้ะ!! เรืออกไปแล้วหรอครับ!!!”

.
.
.

“เอายังไงละทีนี้.. ร้านปิดไปแล้วเกือบหมด..”
นิชคุณพูดขึ้นมานิ่งๆ หลายชั่วโมงกว่าที่พวกเขาจะสามารถแงะอ๊คแทคยอนออกมาจากห้องน้ำได้

“พลาดเรือเที่ยวสุดท้าย และติดแหงกอยู่ในเกาะที่ไม่มีที่นอน.. น่าสนุกดีนิ..”
จุนโฮพูดเสียงเรียบโดยมีแทคยอนยืนสำนึกผิดอยู่ข้างๆ

บรรยากาศแตกต่างจากเมื่อครึ่งวันเช้าอย่างเห็นได้ชัด ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อคนเป็นพี่อย่างนิชคุณพยายามหาทางออก มินจุนพยายามกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อหาร้านค้าซักร้านที่ยังเปิดอยู่

“ฉันว่าเราแยกย้ายออกไปหาที่พักกันก่อดีไหม”
และนั่นก็ทำให้อูยองพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ เขาอยากจะหาที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งดีกว่ายืนเคว้งอยู่แบบนี้

“งั้นเราไปเป็นคู่ฉันจะไปกับแทค นิชคุณกับไปอูยอง และจุนโฮไปกับชานซอง ถ้าใครเจอที่พักก่อนให้โทรตามที่เหลือโอเคไหม”
สมาชิกในวงต่างเห็นด้วยถึงแม้ว่าจุนโฮจะอยากปฏิเสธก็ตามแต่เขารู้ดีว่าเวลานี้มันไม่ควร

พี่ๆเริ่มเดินห่างออกไปจุนโฮเลยเป็นฝ่าเดินนำชานซองไปที่โซนร้านขายอาหาร น่าจะมีพ่อค้าแม้ค้าบางร้านที่ใช้ชีวิตอยู่ติดกับร้านบ้างสิ

“นี่จุนโฮ หมู่นี่นายเป็นอะไร ดูอารมณ์เสียตลอดเลย”
“…เปล่า ฉันแค่หงุดหงิดน่า”

จริงอยู่ที่เขาชอบชานซองง แต่ก็อดอารมณ์เสียไปไม่ได้ ในเมื่อทุกอย่างมันดูพิลึกๆไม่เป็นธรรมชาติซักอย่าง คอยดูซักวันจุนโฮจะทำให้บรรยากาศแบบนี้หายไปให้ได้ เขาอยากกลับมาคุยเล่นกับชานซองเหมือนเดิมตามปกติ..

“เรากลับไปคุยเล่นเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมไม่ได้หรอ…”
“ฉัน..พยายามอยู่ อย่าพูดมากน่าไอ่อ้วน ช่วยกันหาร้านที่ยังมีคนอยู่บ้างสิ”

“นายว่าฉันอ้วนหรอ..”
ชานซองทำตาโตก่อนจะสาวเท้ายาวมาเดินล้อมหน้าล้อมหลังคนตัวเล็ก เขาอุส่าฟิตหุ่นมาตั้งหลายอาทิตย์นะ และท่าทางแบบนั้นก็ทำจุนโฮหลุดขำออกมาได้ง่ายๆ

“ไอ่อ้วนเอ้ยย..”

.

.

.

————————
จบบบบ 555555 เหมือนเดิมนะคะ
ใครที่คิดว่าตัวเองเม้นคนแรกช่วยสลับเลข 1-6 ให้ด้วยน้าาา

writer : wakkks , rainstill , AatbWoo , Yochan , PaiPOPcoRn , Peachyhachi
tag : #เดอะรูมเมท

—————

.

.

สร้างเรื่องนักนะคนอะไร.. คิดว่าคนอื่นจะคอยช่วยคอยเอาใจตลอดเวลารึไงกัน มักเน่หน้าหมีบ่นงุบงิบในขณะที่กำลังสาวเท้าไปที่เตียงพลางจ้องร่างบางที่นอนซบอยู่กับอกตัวเอง เจ้าตัวยังคงพลิกตัวไปมาจากตอนแรกที่เหมือนจะหลับตอนนี้ดันทำท่าจะตื่นซะงั้น.. เมื้อกี้คงแค่ฟุบลงไปเพราะแอลกอฮอล์เฉยๆล่ะสินะ ดวงตาเรียวปรือขึ้นน้อยๆก่อนจะพยายามพลิกตัวไปมา

“เดี๋ยวก็ร่วงลงไปหรอก” ส่งเสียงปรามพลางวางคนตัวเล็กลงบนเตียงนุ่ม
“อื้อออ..อะไรเนี่ย..ฉันยัง.. แก..ไอ่หมีโง่..”
แรงฉุดจากคอเสื้อทำให้ชานซองไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ จู่ๆมือเรียวก็รั้งคนตัวโตเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์

“ใครใช้ให้แก..พาฉันเข้ามาห้ะ~!” ยกปลายนิ้วจิ้มจึ้กๆเข้ากับจมูกของอีกคน
“แล้วทำไม หรือต้องให้คุณฮยองมาส่ง..?”
ตอบกลับทั้งๆที่หน้าทั้งคู่แทบจะชิดกันอยู่อย่างนั้น อีจุนโฮปกติว่าขี้โวยวายแล้ว นาทีนี้คงยิ่งกว่าเดิมร้อยเท่า

“…นายมัน..โง่..”
“ใครกันแน่..คนฉลาดๆเขาไม่ทำตัวแบบนี้หรอกนะ”

“นายมันงี่เง่าาา!!”
คนตัวโตถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่เสียงหวานโวยวายใส่โดยที่ไม่สนใจสิ่งที่ชานซองพูดออกไปซักนิด ตอนนี้จุนโฮไม่ได้เมา แต่ก็มึนอยู่ไม่น้อยและแค่อยากจะระบายเรื่องอัดอั้นตันใจทั้งหมดออกมาให้หมด.. ไม่รู้ว่าทำไมไอ่เครื่องดื่มบ้าๆพวกนั้นถึงได้ทำให้จิตใจอ่อนแอมากขนาดนี้ได้นะ

“นอนได้แล้ว เมามากแล้วนะ”
เลิกต่อล้อต่อเถียง คุยกับคนเมายังไงก็คงไม่ได้อะไร ชานซองบีบมือบางเบาๆเป็นเชิงให้ปล่อยคอเสื้อเขาซักที แต่แทนที่จุนโฮจะยอมคลายแรงลง กลับรั้งตัวเขาให้เข้าไปใกล้มากกว่าเดิม

“ฉันไม่เมา!!”
“เลิกเพ้อเจ้อแล้วนอนซะ..”

“ใช่สิ! ฉันมันเพ้อเจ้อนิ! ทำอะไรก็ไม่ดีซักอย่าง! ฮึก..”
“จุนโฮนายกำลังทำตัวงี่เง่านะ..”
เพราะน้ำใสๆค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาเรียว ชานซองถอนหายใจเป็นครั้งที่สองก่อนจะดึงมือบางออกดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคนตัวเล็กเอาไว้

“ฮึกก..ฉัน..เกลียดนาย..”

เขาว่าคนเมามักจะพูดความจริง.. และนี่คงเป็นความจริงที่จุนโฮสามารถพูดได้มากที่สุด.. เขาเกลียด.. เกลียดคนแบบชานซอง เกลียดที่ทำให้เขาต้องอึดอัดอยู่คนเดียวแบบนี้ เกลียดที่ทำให้เขารัก..

“ฉันรู้..”
“……”

นายมาทำให้ฉันรักทำไม..

“ฉันจะนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ นอนซะ.. พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องปวดหัว”
ชานซองทิ้งตัวลงบนพื้นแผ่นหลังกว้างอิงเข้ากับเตียง สายตาคมจ้องมองไปยังผนังห้องสีขาว.. และคำพูดจากร่างสูงก็ทำให้จุนโฮนิ่งก่อนจะค่อยๆหันมองที่ที่เพื่อนสนิทของเขานั่งอยู่ข้างๆ..

เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน จะทำดีด้วยแค่ไหนก็ในฐานะเพื่อนสินะ..
ชานซองยังคงเป็นห่วงเขาเสมอ..

แค่นี้ก็เกินพอแล้วมั้งจุนโฮ..

ว่าแต่วอดก้าแทคยอนฮยองทำไมมันทำให้ปวดหัวขนาดนี้ แถมชานซองยังแยกร่างได้อีกต่างหาก.. ชานซองมีสองคน~

คนตัวเล็กค่อยๆขยับตัวไปใกล้กับขอบเตียงที่มีหมีตัวโตนั่งอยู่ เอาหัวกลมๆของตัวเองเข้าไปชนกับกลุ่มผมของอีกคนเบาๆ ชานซองเลิกคิ้วขึ้นเพราะความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ขยับตัวหนี นี่แหละนะ.. แอลกอฮอล์ทำอารมณ์คนแปรปรวนได้จริงๆ จู่ๆก็ยอมสงบลงซะงั้น

“ชานซองงง..”
เสียงหวานยานคางพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ คงจะได้ยินอะไรแบบนี้ในเวลาเฉพาะที่เหล้าเข้าปาก เวลาปกติแล้วจุนโฮไม่ค่อยจะพูดเสียงหวานเท่าไร
“หืม..?”

“สมมติว่าเรารักใครซักคน แล้ว..เราบอกเขาไม่ได้.. นายจะทำไง”
งืมงัมอยู่ในลำคอเพราะฤทธิ์วอดก้าเพียวๆยังไม่หายไปไหน

“ก็.. ไม่เห็นเป็นไรเลย ความรักมันไม่จำเป็นต้องบอกให้เขารู้นี่นา”
“ถ้าเป็นนาย นายจะทำแบบนั้นหรอ..”
“มั้ง.. หรือไม่ก็ แสดงออกให้เขารับรู้ถึงความรักที่เรามีให้ ก็น่าจะพอแล้วสำหรับฉัน”

“ถึงแม้ว่าเราจะแสดงออกไป.. มากเท่าไร เขาก็ยังโง่ไม่รับรู้ความรักของเรางั้นหรอ”
“พี่คุณเป็นแบบนั้นหรอ?”

… ไอ่โง่
ไม่รู้ว่าต้องพูดคำนี้อีกกี่พันครั้ง ชานซองนายไม่รู้ตัวเลยรึไง..

“ช่างเถอะ..”
เลิกที่จะตัดบท พูดกับไอ่หมีมึนยังไงก็คงไม่เข้าใจเจ้าตัวดันโง่ไม่รับรู้เอง..

เหมือนสติค่อยๆวูบดับไปมา ความรู้สึกปวดหัวเข้ามารุมเร้าอีกครั้งสงสัยจะเพราะพูดมากเกินไป อีจุนโฮขยับตัวเข้าไปชิดคนตัวโตมากกว่าเดิมคราวหลังจะไม่กินไอ่ของพวกนี้อีกเลยคอยดู

“นายมันโง่จริงๆ”
พูดอู้อี้อยู่คนเดียว เปลือกตาหนักอึ้งขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุแต่ยังไม่อยากนอนเลยนี่นาา
.
.
.
“นี่ๆ จุนโฮ” ชานซองสะกิดคนตัวเล็กที่พูดอู้อี้ๆงุ้งงิ้งอยู่คนเดียว อยู่ๆก็เงียบไปเฉยๆเสียอย่างนั้น แถมพูดอะไรจับใจความไม่ได้ซักอย่าง คราวหน้าคราวหลังต้องบอกพวกฮยองตัวแสบแล้วว่าอย่าคะยั้นคะยอให้จุนโฮดื่มวอดก้าอีก ไม่ได้เรื่องเลยนะจุนโฮ เป็นผู้ชายซะเปล่า คออ่อนได้ยังไงกัน

“…”
“หลับแล้วหรอ”
ชานซองยื่นหน้าเข้าไปใกล้จุนโฮเพื่อดูว่าหลับจริงๆหรือเปล่า ก็พบว่าจุนโฮหลับจริงๆเพราะฤทธิ์เหล้า จุนโฮหลับตาพริ้ม ตายังดูบวมช้ำอยู่ ชานซองแอบใจหายนิดหน่อย จุนโฮต้องแอบไปร้องไห้หนักแน่ๆ ขนตางอนเป็นแพ จมูกรั้นๆแบบคนดื้อเอาแต่ใจ ปากแดงสวยได้รูป ทำไมกันนะอีจุนโฮ ทำไมนายต้องเป็นผู้ชายด้วย เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งสังเกตว่าคนตรงหน้านั้น มีเสน่ห์จนไม่อยากถอนสายตาไปมองที่อื่นเลยจริงๆ
อีจุนโฮ ถ้าฉันอยากเห็นนายทุกๆวันในตอนเช้าที่ฉันตื่นมาทุกวัน มันพอจะมีหวังมั้ย ฉันไม่อยากให้นายไปชอบใคร ฉันไม่อยากเห็นนายไปยิ้มยั่วยวนใส่ฮยองคนอื่น ทำไมนายถึงมีอิทธิพลกับหัวใจฉันขนาดนี้ รู้มั้ยว่ามันหงุดหงิดแค่ไหนที่ต้องทนเห็นนายยิ้มหวานใส่คุณฮยอง แล้วตอนที่มินจุนฮยองยื่นหน้าเข้ามาใกล้นายฉันอยากเดินหนีแทบตาย ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน ให้นายเป็นคนเฉลยฉันได้มั้ยจุนโฮ

หน้าของชานซองเข้าไปใกล้จุนโฮมาก เขาอยากลองสัมผัสริมฝีปากอิ่มนี่ซักครั้ง หวังว่านายคงไม่ว่าฉันนะ

จุ๊บ..
ชานซองห้ามใจไม่ให้ตัวเองเลยเถิดมากกว่านี้ ยังไงก็เพื่อน ท่องไว้ชานซอง แค่เพื่อน แค่รูมเมทเท่านั้น อย่าคิดอะไรเกินเลย คนที่จุนโฮอย่างให้ทำไม่ใช่เขา แต่เป็นคุณฮยองคนดี

ริมฝีปากจุนโฮนุ่มนิ่มใช้ได้เลยแหะ
ชานซองรู้สึกว่าหนังตาของเขาเริ่มหนักอึ้งแล้ว ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของวอดก้า เป็นเพราะเรื่องราววุ่นวายนี่แหละที่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อย
เขาขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกันกับจุนโฮ มองคนตัวเล็กที่ยังนอนไม่รู้เรื่องอะไร ขอโทษนะอีจุนโฮ ฉันขอโทษ ไม่ว่าฉันจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด แต่คราวนี้ฉันจะขอโทษนายก่อน นายคงรู้สึกแย่เพราะคนอย่างฉันมาหลายครั้ง ขอโทษที่เป็นคนดีได้ไม่เท่านิชคุณฮยอง ฉันอยากให้นายยิ้มมากกว่าที่จะร้องไห้จนตาบวมแบบนี้
จุนโฮ คืนนี้ฉันขอนอนมองหน้านายไปทั้งคืนเลยนะ คิดได้ดังนั้นเขาจึงถือวิสาสะโอบกอดจุนโฮไว้ในอ้อมแขน

 

————-

 

เช้าวันต่อมา

“หาวววว ไอ้แทค แกว่าไอ้น้องเล็กสองคนนั้นมันจะคืนดีกันได้ยังวะ คืนดีกันเห๊อะ จะได้ไม่เป็นภาระของฮยอง เบื่อเหลือเกิน” มินจุนหาวจนน้ำตาไหล ในมือยังถือถ้วยกาแฟอุ่นๆหันไปพูดกับแทคยอนที่ยังกางหนังสือพิมพ์อ่านอยู่ วันนี้พวกเขามีคิวงานกันตอนบ่าย เช้านี้จึงไม่ต้องรีบเหมือนทุกวัน

“ผมว่าคืนดีกันแล้วแหละฮยอง หลังจากเข้าห้องแล้วเงียบกริบขนาดนั้น ผมว่าไม่พลาด คิคิ”
“บ๊ะไอ้นี่ ไม่พงไม่พลาดอะไร พูดจาให้มันดีๆหน่อย” มินจุนหมั่นไส้แทคยอนจึงเดินไปหยิบทัพพีมาเคาะหัวแทคยอน ไอ้แทคนี่ก็คิดลามกตลอด ให้มันได้อย่างนี้สิฟะ

“โอ้ยฮยอง ตีผมอีกล้ะ ผมหมายถึงไม่พลาดที่จะได้เคลียร์กัน แต่เคลียร์กันท่าไหนผมไม่รู้นะ คิดว่าท่ายาก”
“โอ้ยยย ไอ้แทค แกไม่หื่นซักนาทีมันจะตายมั้ยวะ” มินจุนบ่นแทคยอนอุบอิบแล้วเริ่มจิบกาแฟ
ฮยองอิจฉาไอ้น้องเล็กสองคนนั้นก็บอกมาเถอะ แทคยอนแอบยิ้มขำกับท่าทีของมินจุน

จุนโฮลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าแสงจากหน้าต่างเริ่มแยงๆตาเขาแล้ว อ๋า…ปวดหัวจัง จริงสินะ เมื่อคืนดื่มวอดก้าไป เขาเริ่มคิดทบทวนว่าเมื่อคืนเขาได้พูดอะไรที่น่าขายหน้าไปบ้างมั้ย นึกยังไงก็นึกไม่ออก ถ้าพูดออกไปแล้วจะเป็นยังไง เขาจำอะไรไม่ได้เลย แย่จริง

จุนโฮขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นไปล้างหน้า แต่ต้องสะดุ้งเมื่อมีแขนของร่างหนามาทับตัวเขาอยู่
ชะ ชานซอง มานอนเตียงเขาได้ยังไง

“อื้มมมมม จุนโฮ” เสียงเจ้าหมีงึมงัมขึ้นมา ละเมอหรอ?

“…” ตอนนี้จุนโฮไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้อีก แขนแกร่งนั่นยิ่งกระชับเขาให้อยู่ในอ้อมแขนมากขึ้น ชานซอง ปล่อยนะ อึดอัดดดด
“จุนโฮอา ฉันขอโทษนะ”

“…” ชานซองขอโทษหรอ ละเมอออกมาว่าขอโทษ
“ขอโทษที่ทำให้ไม่พอใจ จะไม่ทำแบบนี้อีก” เจ้านี่กำลังฝันว่าอะไรอยู่ ทำไมถึงละเมอแบบนี้

“ถึงจะละเมอออกมาแต่ฉันให้อภัยนายแล้วแหละ ฉันไม่ใช่คนใจแข็งหรอกนะ”
รู้สึกหมั่นเขี้ยวชานซองชะมัด หลับใช่มั้ย ขอสักหน่อยเถอะ

จุ๊บ…

ผมแอบจุ๊บปากชานซองไปแล้ว หมอนั่นไม่รู้สึกตัวหรอกมั้ง .///.
อยู่ๆจุนโฮหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เขาทำอะไรลงไป หน้าไม่อายเลย แต่ก็ทำไปแล้วนี่หน่า คิดได้ดังนั้นจุนโฮใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่ผลักชานซองให้นอนดีๆแล้วลุกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้า

เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนที่นอนอยู่บนเตียงอีกคนหน้าแดงแปร๊ดยิ่งกว่าลูกตำลึง เมื่อกี้ไม่ได้ละเมอซักหน่อย พูดจริงทั้งนั้นแหละเจ้าบ้าเอย ฉันตื่นก่อนนายตั้งนานแล้ว…

ริมฝีปากนุ่มนิ่มเมื่อกี้ที่จู่ ๆ ก็มาจุ๊บเขาไปที ทำให้ชานซองใจเต้นตึกตักไม่หยุด เวลาแค่เสี้ยววิแท้ ๆ กลับยิ่งตอกย้ำความรู้สึกเมื่อคืนว่าเนื้อปากของจุนโฮนั้นทั้งนุ่ม ทั้งยั่วยวนแค่ไหน

คิดแล้วก็ อยาก จะจูบจุนโฮอีกสักครั้ง อยากลิ้มลองให้มากกว่านี้ อยากสัมผัสให้แนบแน่นและลึกซึ้งมากกว่า เพราะเขาอยากรู้ว่ารสชาติของจุนโฮจะหวานอย่างที่คิดหรือไม่ หรือว่าจะเผ็ดร้อนเป็นไฟ

“โว้ย คิดอะไรวะไอ้ชาน” ชานซองรีบตบหน้าเรียกสติตัวเองเพื่อไม่ให้คิดเลยเถิด

ว่าแต่หมอนั่นคิดยังไงถึงมาจูบเราได้นะ?
คนที่นอนอยู่บนเตียงคิดไม่ตกว่าเพราะอะไรคนตาเล็กถึงทำอย่างนั้น หรือว่าจะเพราะเมาค้าง?
แต่ก็ไม่น่าจะใช่หรอก เพราะก็ดูมีสติตอนพูดอยู่นี่นา

ชานซองดันตัวลุกขึ้นบ้าง กะว่าจะค่อย ๆ เดินย่องตามจุนโฮไปยังห้องน้ำ ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเพราะเจอรุ่นพี่หนุ่มสองคนเอ่ยทักเสียก่อน

“อ้าวไอ้ชาน! ตื่นแล้วเรอะ” จากที่หาว ๆ อยู่มินจุนก็ตาสว่างทันทีที่เห็นน้องเล็กเดินออกมาจากห้อง “เป็นไงมั่งวะเมื่อคืน?” หนุ่มรุ่นพี่กระซิบกระซาบที่ประโยคหลังเผื่อว่าคนในห้องน้ำจะได้ยินเข้า

“……”
คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ทำหน้าแดงแปร๊ด จนแทคยอนก็ชักจะเริ่มสงสัยว่าเมื่อคืนจะเกิดอะไรขึ้นอย่างที่เขาคิดจริง
“เห้ย! หรือว่าแผนจะได้ผลจริงๆอ่ะเนี่ย”
แทคยอนใช้ศอกกระทุ้งมินจุนพลางทำท่าถามไปด้วย

“อะไรได้ผลเหรอครับฮยอง?”

ทุกคนหันควับเมื่อได้ยินคำถามจากคนที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำ
จุนโฮมองรุ่นพี่ทั้งสองที่ทำท่าแปลกไปอย่างงุนงง แล้วพอสายตาหันมาสบเข้ากับชานซองเข้า ใบหน้าเขาก็เริ่มร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้างุดอย่างเขินอาย

ชานซองเองก็มีสภาพหน้าแดงไม่ต่างกัน
พอรุ่นพี่ทั้งสองเห็นท่าทีของสองน้องเล็กแบบนี้ ก็หันมามองหน้ามองตากันเลิกลั่ก สรุปได้ผลสินะ? สองคนนี้ดีกันแล้ว.. แล้วนี่เล่นท่ายากด้วยรึเปล่าเนี่ย?

ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรให้ได้ความ นิชคุณก็เดินออกจากห้องนอนออกมา…
“อ่าวนี่มายืนทำอะไรกันอยู่เนี่ย” นิชคุณถามพลางหาวจนปากกว้าง มินจุนรู้สึกอิจฉานิชคุณอยู่ไม่น้อยคนอะไรวะขนาดหาวจนปากกว้างก็ยังหล่อ โลกแมร่งไม่ยุติธรรมมมมมม

“ว่าไงจุนโฮ เมื่อคืนเมาแอ๋เลยนะเรา” พูดพลางเอามือลูบหัวน้องชายตัวเล็กตรงหน้า จุนโฮเงยหน้าส่งยิ้มบางๆให้พี่ชายที่แสนดี แต่เสียงประตูห้องน้ำที่ปิดดังลั่นก็ทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง

“ไอ้ชานมันจะรีบอะไรของมันวะ ข้าศึกประชิดประตูเมืองหรือไง” มินจุนก็พูดไปงั้นแหละ ทำไมจะไม่รู้ว่าไอ้มักเน่สมองถั่วนั่นมันหึง ห่วง หวง ไอ้ตาตี่ตรงหน้านี่ขนาดไหน แหมมมม คนที่หล่อกว่าแสนดีกว่ามาลูบหัวคนที่เราชอบเนี่ยถ้าไม่หึงนี่แนะนำให้ไปบวชที่วัดเส้าหลิน

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะนะ แล้วก็ออกมากินกาแฟดำจะได้รู้สึกดีขึ้น เดี๋ยวฮยองจะชงให้นายกับชานซองด้วยนะ” นิชคุณเอ่ยเบาๆพลางส่งยิ้มไปให้น้องชายตัวเล็ก
“อ้าวอูยอง”จุนโฮเอ่ยทักเพื่อนแก้มอูมที่เดินงัวเงียออกมาจากห้องของนิชคุณ

“ไอ้แทคๆๆๆๆๆ ทำไมอูยองเดินออกมาจากห้องไอ้คุณวะ”มินจุนหันไปกระซิบแทคยอนที่ยืนอยู่ข้างๆตน
“ไม่รู้สิฮยอง ก็เมื่อคืนเรามัวแต่ไปดักฟังห้องไอ้ชานกับจุนโฮมันไม่ใช่หรือไง จะไปรู้เหรอ”

แทคยอนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็ขำมินจุน รายนั้นลงทุนไปเอาแก้วในห้องครัวมาแนบกำแพงแล้วก็แอบฟังเด็กๆปรับความเข้าใจ ไม่นึกเลยว่ามินจุนจะลงทุนเพื่อน้องๆขนาดนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้ความเงียบสงัดเป็นคำตอบ แม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียงอะไรแต่เขาก็ฟันธงได้เลยว่าไอ้น้องรักของเขาต้องจัดการเผด็จศึกจุนโฮแล้วแน่ๆมีอาจารย์ดีๆอย่างอ๊กแทคยอนไอ้ชานมันไม่น่าพลาดหร๊อก แต่แค่เกรงใจพี่ๆในหอเลยปรับโวลุ่มให้มันเบาลงก็แค่นั้น

“นายเคยรู้อะไรบ้างมะ?” เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “อ้าววววว อูยอง เข้าไปทำอะไรในห้องไอ้คุณทั้งคืนอ่ะปกติเห็นนอนห้องนั่งเล่นไม่ใช่เหรอ” มินจุนถาม ฝ่ายนิชคุณกับอูยองเมื่อได้ยินคำถามของพี่ใหญ่ก็พากันหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“หน้าแดงทำไมวะ หรือพวกฉันถามอะไรติดเรท” แทคยอนเอ่ยถามบ้าง ทำไมต้องหน้าแดงกันด้วยวะหรือมันเป็นเทรน
“เออนั่นดิ วันนี้มันวันหน้าแดงแห่งชาติหรือไงวะ ถามอะไรใครก็หน้าแดงไปหมด เฮ้ออออ ไปดูซีรีส์ย้อนหลังดีกว่า ยังดูโทมินจุนไม่จบเลย ไปไอ้แทคไปดูโทเมเนเจอร์กันดีกว่า” มินจุนพูดพลางลากแขนแทคยอนออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้นิชคุณ อูยองและจุนโฮยืนอยู่หน้าห้องน้ำ

“นายโอเคไหมจุนโฮ” อูยองเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่คำถามเนี่ยไม่ได้หมายความว่าหายแฮงค์หรือยังแต่หมายความถึงโอเคในเรื่องอื่นมากกว่า
“ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แต่ยังปวดหัวอยู่นิดหน่อย กินยาแก้ปวดก็คงจะหายแล้วล่ะ”

“อ่อ… งั้นฉันไปอาบน้ำแล้วนะตัวมีแต่กลิ่นเหล้า”
“อูยอง… ชานซองยัง…” ยังไม่ทันพูดจบประโยคชานซองก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำตรงดิ่งมาคว้าแขนจุนโฮไว้

“จุนโฮ…ไปเซเว่นกัน”
“อะไรนะ ไปทำไม แล้วนี่เข้าห้องน้ำล้างมือหรือยังเนี่ยมือแห้งเชียว”

“ไปซื้อของกิน ไปด้วยกัน…นะ” เอ่ยเสียงอ้อน ก็เป็นซะอย่างนี้ชอบอ้อนจนอดที่จะใจอ่อนไม่ได้
“ก็เอาสิ เดี๋ยวมานะ” หันไปเอ่ยบอกอูยองกับนิชคุณ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปตามแรงลากของชานซอง

.
.
.

“จะออกมาซื้อกาแฟทำไมในหอก็มีคุณฮยองเขาจะชงให้” จุนโฮเอ่ยถามเพื่อนร่างยักษ์ที่กำลังนั่งจิบกาแฟดำในร้านใต้หอพัก
“ก็ฉันอยากกินที่ร้านใต้หอนี่ หรือนายมีปัญหา” เลิกคิ้วเป็นเชิงถามดวงตาคมจดจ้องที่ใบหน้าหวานโดยไม่ละสายตา

“ปละ…เปล่าก็แค่สงสัยน่ะ” ทำไมต้องทำตัวไม่ถูกต่อหน้าชานซองด้วยวะหรือเป็นเพราะจูบนั่น..บ้าเหรอจุนโฮแสดงออกขนาดนี้เดี๋ยวชานซองก็จับพิรุธได้หรอก เกิดถามขึ้นมาจะยุ่ง

“แล้วไม่สั่งอะไรหน่อยเหรอ ฉันเลี้ยง”
“ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ” เอ่ยตอบพลางหลบสายตามองออกไปนอกกระจกร้าน รถยนต์กำลังวิ่งกันขวักไขว่ในช่วงเวลาเร่งด่วน นั่งมองรถวิ่งไปวิ่งมาก็ดูเพลินตาดีนะ ทำให้ลืมอาการเมาค้างและเรื่องจูบนั่นไปได้บ้าง

“เบื่อเหรอ…” ชานซองเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าจุนโฮนิ่งเงียบไป
“ก็…ทำนองนั้น” ไม่เบื่อหรอกแต่แค่ไม่อยากสบตากับชานซองเลยเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงตอบไปอย่างนั้นต่างหาก จุนโฮคิด

“ถ้าคนที่นั่งตรงข้ามนายไม่ใช่ฉันแต่เป็นคุณฮยอง นายคง…ไม่เบื่อใช่ไหม?”
“ที่ถามเนี่ยอยากได้คำตอบหรือแค่หาเรื่องกันฮวังชานซอง”

“ก็แล้วแต่นายจะคิด” ตอบพลางยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านปิดบังความไม่พอใจที่แสดงออกมาทางสีหน้าของตัวเอง ฝ่ายจุนโฮเมื่อได้รับคำตอบดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา ก็เป็นซะอย่างเงี้ย กี่ปีๆก็ยังขี้น้อยใจเหมือนเดิม

“รู้อะไรไหมชานซอง จริงๆแล้วฉันไม่ได้เบื่ออะไรหรอกแค่เมาค้างน่ะ แล้วก็อีกอย่าง…เวลาอยู่กับนายฉันไม่เคยเบื่อหรอกนะ” เอ่ยตอบไปก็รู้สึกร้อนเห่อออกมาที่ใบหน้า ไม่ต้องส่องกระจกเขาก็รู้ว่าหน้าต้องแดงออกมาแค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่จุนโฮนั้นไม่มีทางรู้ได้เลยก็คือรอยยิ้มกว้างของชานซองที่ถูกบดบังด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์นั่นเอง

 

————————-

 

“สองคนนั่นไปนานจังแฮะ”
นิชคุณพูดขึ้นมาเบาๆ ขณะที่อูยองกำลังใช้ช้อนคนกาแฟในแก้วช้าๆ เจ้าของแก้มป่องเหลือบมองคนพูดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า

“ก็หายโกรธกันแล้วนี่นะ กลับมาตัวติดกันเหมือนเดิม” คนตัวเล็กว่า พลางเดินถือแก้วมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆนิชคุณที่กำลังกดรีโมทไล่หารายการโทรทัศน์ที่น่าสนใจ

“ย่าห์!!! อ๊ค แทคยอน!!!” เสียงโวยวายของพี่ใหญ่ทำให้นิชคุณและอูยองที่นั่งอยู่ข้างนอกสะดุ้งเฮือก เบิกตากว้างเมื่อเห็นแทคยอนโดนถีบออกมาจากห้อง มินจุนถลึงตาใส่ร่างสูงก่อนจะปิดประตูใส่เสียงดัง
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น!?” นิชคุณถามด้วยความตกใจ แทคยอนหัวเราะยักไหล่ตอบ เดินมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดี่ยว

“ไม่มีอะไร ก็แค่กวนเล่นๆตอนฮยองเขาดูซีรี่ย์น่ะ สงสัยจะกวนเยอะไปหน่อย” พูดพร้อมกับหัวเราะปิดท้าย นิชคุณได้แต่ส่ายศีรษะกับความขี้เล่นของแทคยอน
“ว่าแต่นายเถอะ อย่าคิดว่าฉันจะลืมเรื่องเมื่อเช้า ทำไมถึงเข้าไปนอนด้วยกันได้ ตอบมาซะดีๆ!” พอไม่มีอะไรทำก็ยกเรื่องเมื่อเช้าขึ้นมาพูด ทำเอาอูยองแทบจะพ่นกาแฟที่พึ่งดื่มเข้าไปออกมา คนตัวเล็กสำลักไอค่อกแค่กจนหน้าแดงไปหมด ทำให้นิชคุณรีบเข้าไปลูบหลังเป็นการใหญ่ แทคยอนหรี่ตามองภาพตรงหน้า

เริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นมาลางๆ

“นี่พวกนาย…”
เสียงเปิดประตูทำให้แทคยอนไม่ได้พูดอะไรต่อ ชานซองกับจุนโฮเดินเข้าห้องมาพร้อมกัน ใบหน้าที่ดูอารมณ์ดีจนน่าสงสัยของชานซองทำให้แทคยอนสะกิดนิชคุณยิกๆ

“ไปกันนานเชียว กาแฟดำของฮยองคงไม่มีประโยชน์แล้วม้าง” นิชคุณเอ่ยแซว ดวงตาของคนเป็นพี่มองแก้วกาแฟในมือชานซอง พร้อมกับยิ้มกริ่ม ที่ชวนออกไปเพราะหึงเขากับจุนโฮสินะ..

“ชานซองเขากินคนเดียวครับ ผมเปล่านะ” ด้วยความที่จุนโฮเป็นเด็กติดพี่ ทำให้เขาเดินเข้าไปอ้อนคุณฮยองทันที ริมฝีปากหยักที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มหุบฉับ รังสีทะมึนเริ่มแผ่ออกจากมักเน่ร่างยักษ์

เอาแล้วไง…
ไอ้คุณมันจะรู้ตัวมั้ยเนี่ย…

นั่น…ลูบหัวจุนโฮอีกแล้ว…
อ๊คเครียดดดดดดดดดดดดดดดด

แทคยอนกรอกตาซ้ายขวา เวลาแบบนี้มินจุนฮยองดันมาโกรธเขาอีก โถ อ๊คจะทำยังไงล่ะทีนี้!
ฝ่ายอูยองมองเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องปกติ ใครๆก็รู้ว่าจุนโฮชอบมาอ้อนคุณฮยองอยู่บ่อยๆ มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก แต่ดวงตาเจ้ากรรมกลับกวาดไปเจอชานซองที่ยืนบีบแก้วกาแฟในมืออยู่

พรวด!!

แค่กๆๆๆ!

“อูยองอ่า เป็นอะไรเนี่ย วันนี้สำลักหลายรอบแล้ว เปื้อนหมดแล้วเห็นมั้ย”
ร่างสูงที่กำลังคุยกับจุนโฮหันมาสนใจอูยองทันที คนตัวเล็กพ่นกาแฟพรวดออกมาจนเลอะไปทั้งตัว มือหนาคว้าข้อมือของเขาเอาไว้แล้วพาเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ เสียงทุ้มบ่นงึมงำตลอดเวลา โถ…นี่ผมกำลังช่วยคุณฮยองให้พ้นจากรังสีทะมึนของไอ้มักเน่ยักษ์นั่นนะ

“เสื้อเปื้อนหมด ตัวก็มีแต่กลิ่นกาแฟ ไปอาบน้ำอีกรอบไป” นิชคุณว่าซึ่งอูยองเองก็พยักหน้าหงึกหงัก เดินกลับออกมาเจอกับบรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง เอาแล้วไง อย่าบอกว่าทะเลาะกันอีกนะ

“ข่อยขอใช้ห้องน้ำก่อนนะ คนอื่นอย่าพึ่ง… เอ๋… มีอะไรกันเหรอ” มินจุนเปิดประตูออกมาได้จังหวะพอดี แทคยอนที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์แทบจะกระโดดกอดพี่ใหญ่ที่โผล่หน้าออกมาจากในห้อง
ฝ่ายพี่ใหญ่ก็ยืนถือผ้าเช็ดตัวค้างเอาไว้ มองหน้าทุกคนสลับไปมาด้วยความสงสัย โทเมเนเจอร์กลับดาวเหรอ ทำไมทุกคนดูเครียด!?

“อ่ะฮ้า… ไม่มีอะไรหรอกฮยอง จะอาบน้ำใช่มั้ย เอาเลย” แทคยอนโพล่งขึ้นทำให้บรรยากาศมาคุกลับมาสบายๆเหมือนเดิม มินจุนเลิกคิ้วสูงก่อนจะเดินผ่านคู่น้องเล็กเข้าห้องน้ำไป
“อ…เอ้อ.. อูยอง ไปอาบอีกห้องสิ จะได้ซักเสื้อด้วย” นิชคุณที่ยืนนิ่งค้างตบหลังอูยองเสียงดังปั้ก ทำเอาคนตัวเล็กนิ่วหน้าก่อนจะพยักหน้ารัวๆ

“ช…ใช่ๆๆ เฮ้ย ชาน จุนโฮ ฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ จากที่มีกลิ่นเหล้าตอนนี้มีแต่กินกาแฟแล้วว่ะ” พูดรัวๆจบก็วิ่งไปหยิบเสื้อผ้า แล้วกลับมาเข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว
“อ่า…จุนโฮ เดี๋ยวฮยองไปชงกาแฟให้นะ”
ไม่ต้องรอคำตอบ นิชคุณพูดจบก็เดินหายออกจากห้องนั่งเล่นเข้าไปในครัวทันที ทิ้งเหลือไว้ก็แต่อ๊คแทคยอนที่ยืนเป็นท่อนไม้อยู่กลางห้องพร้อมกับมักเน่และรองมักเน่ทั้งสอง ซึ่งแต่ละคนก็มีอารมณ์ออกแตกต่างกันไป

แล้วทำไมทิ้งอ๊คไว้กับไอ้เด็กอารมณ์แปรปรวนทั้งสองคนนี่ไว้คนเดียววววว เวววววว
ดูเหมือนว่าจุนโฮจะไม่ได้สนใจชานซองที่ยืนแผ่รังสีทะมึนออกมาจนคนรอบข้างพากันหนีหายไปหมด เหลือไว้เพียงแทคยอนที่ยังคงยืนเก้ๆ กังๆ อยู่กลางห้อง

“ฮยองจะยืนบังทีวีอีกนานป้ะ มานั่งนี่นิ” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวก็ลุกไปดึงข้อมือฮยองให้มาทรุดตัวลงนั่งข้างตัวเองบนโซฟากลางห้องพลางกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ โดยไม่สนสิ่งมีชีวิตรอบตัวเลยว่ากำลังทำสีหน้ายังไงกันบ้าง

ซวยแล้วไงกรู ไอ่ตาตี่นี่ก็เสือกดึงกูเข้ามานั่งด้วยอีก โอ้ยยย ไอ้ชานนนน มึงมองกูแบบนั้นเอาแก้วกาแฟในมือปาใส่หน้ากูเลยเถอะ

“ฮื่อออ เรามีตารางงานตอนบ่ายใช่ปะฮยอง” จุนโฮถอนหายใจพรืดแล้วเอนหัวพิงซบกับไหล่แทคยอนที่นั่งตัวเกร็งหลังตรงอยู่ข้างๆ พอเหลือบไปมองไอ้มักเน่ที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก็ต้องรีบหลบสายตาทันที เมื่อเห็นเจ้าเด็กนั่นยืนกัดฟัดกรอดจนสันกรานนูนเป็นรอยจ้องจุนโฮไม่วางตา
กูตายแน่ โฮกกกกก แล้วอะไรทำไมไอ้เด็กนี่ถึงมาอ้อนออเซาะกูตอนนี้ด้วยยยย

“อะ…เออ” ตอบน้องชายที่ยังไม่ยอมผละหัวออกไปซะทีจนตัวเองต้องเอานิ้วดันหัวทุยๆ ของไอ้เด็กขี้อ้อนนี่ออกไป
“ไอ้ชาน แกจะยืนเป็นรูปนั้นเทพีอยู่ตรงนั้นอีกนานปะ แล้วนั่น กาแฟหกหมดแล้ว ไปเอาผ้ามาถูเลยนะมึง”
ไม่รู้จะพูดกู้สถานการณ์ยังไงให้มันดีขึ้น ตัดสินใจหันไปพูดกับไอ้คนที่ยังยืนนิ่งบีบแก้วกาแฟในมือจนบี้แหลกคามือ ไหนจะกาแฟบางส่วนที่หยดหกเลอะอยู่บนพื้นอีก

“ฮยองก็เช็ดเองดิ!” ชานซองกระแทกเสียงตอบใส่เสียงแข็งพร้อมกับเดินกระแทกเท้าออกไปจากบริเวณนั้นทันที
“อ่าวเฮ้ย กูเป็นพี่มึงนะเนี่ย โอ้ยยยย แล้วเป็นธุระกงการอะไรที่กูต้องเช็ดให้มึงด้วย จุนโฮ แกไปเอาผ้ามาเช็ดคราบกาแฟบนพื้นเลย ไปเลยๆ” พูดพร้อมกับดันร่างน้องชายตาเล็กที่นั่งงงอยู่ให้ลุกออกจากโซฟาเหมือนเป็นเชิงบังคับกลายๆ ว่าให้ลุกไปเช็ดคราบกาแฟที่ชานซองทำหกไว้

“อะไรเนี่ยฮยอง หมอนั่นทำหกเองก็ให้มันเช็ดเองดิ เกี่ยวอะไรกับผม” จุนโฮปั้นหน้าบึ้ง ปัดมือแทคยอนที่ยังคงดุนหลังเจ้าตัวให้ลุกออกจากโซฟา
“ก็เห็นไหมล่ะ ไอ้บ้านั่นมันงอนตุ๊บป่องออกไปแล้ว หน้าที่นี้ก็กลายเป็นของแกแล้วไง ไปๆ ไปเอาผ้ามาเช็ด”

“โหย ฮยองอ่ะ ใช่เรื่องปะเนี่ย” จุนโฮทำได้แสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วกระแทกเท้าเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องครัวเพื่อไปเอาผ้ามาเช็ดพื้น
เดินเข้ามาก็เห็นคุณฮยองกำลังชงกาแฟให้ตัวเองอยู่ พร้อมกับร่างหมีๆ ของชานซองที่กำลังยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างมือในครัว

“ชานซอง นายเอาผ้าไปเช็ดคราบกาแฟนั่นเลยนะ” เดินตึงตังเข้าไปหยิบผ้าข้างอ่างส่งไปให้เจ้าตัวที่หันมามองหน้าเขานิ่งๆ
“เอ้า จุนโฮ นี่ฮยองชงกาแฟให้เสร็จพอดีเลย” นิชคุณที่กำลังเอาช้อนคนกาแฟที่เคาร์เตอร์หันมาส่งยิ้มให้จุนโฮที่ยังยืนถือผ้าขี้ริ้วอยู่ในมือ น้องชายตาเล็กหันมายิ้มตอบแล้วก็จัดการยัดผ้าในมือใส่มือชานซองที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มบึ้งตึงขึ้นอีกครั้ง

“หอมจังเลย ขอบคุณครับ”
“ค่อยๆ ดื่มนะ ยังร้อนๆ อยู่เลย”

“คร้าบบบบ เฮ้ย! ชานซอง!”
ยังไม่ทันที่จุนโฮจะรับแก้วเซรามิกมาจากมือพี่ชายหน้าหวาน บุคคลที่ยังใช้อ็อกซิเจนร่วมห้องอยู่ด้วยอีกคนก็เดินพรวดพราดเข้ามาดึงเอาแก้วกาแฟร้อนๆ จากมือนิชคุณยกขึ้นดื่มทันที แต่ไม่ทันไรก็ไอค่อกแค่กพ่นน้ำกาแฟที่ดื่มไปออกมาจนหกเลอะเปรอะเต็มเสื้อและพื้นห้องไปหมด

“แค่กๆๆ แค่ก!”

“นายทำบ้าอะไรเนี่ยชานซอง!” จุนโฮที่ยังคงเหวอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปุ๊บปั๊บตรงหน้าพอได้สติก็โพล่งขึ้นเสียงดังจนแทคยอนที่อยู่ห้องนั่งต้องเล่นรีบวิ่งพรวดพราดเข้ามาในครัวทันที

นิชคุณเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย รีบเดินเข้าไปดูอาการมักเน่ตัวโตที่ตอนนี้ยังไอจนตัวโยนหน้าแดงไปหมดจากการสำลักกาแฟร้อนๆ ที่ดื่มรวดเดียวเข้าไปโดยไม่สนใจว่าอุณหภูมิของมันจะร้อนมากแค่ไหนก็ตาม

“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไอ้ชาน แกเพิ่งทำกาแฟหกที่ห้องนั่งเล่น แล้วยังจะมาพ่นกาแฟใส่พื้นห้องครัวอีก”
เสียงดังโวยวายลั่นห้องครัวทำเอาอีกสองชีวิตที่หายเข้าไปในห้องน้ำต้องรีบแต่งตัวออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกลัวจะตกข่าวทันที
“ย่าห์! นี่เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอีก ไอ้เด็กบักควายนี่ เล่นบ้าอะไรอีกเนี่ยห๊ะ!” พี่ใหญ่ที่เพิ่งมาถึงโวยวายเสียงดังเมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นเป็นไอ้มักเน่ตัวโตยืนไออยู่พร้อมกับน้ำกาแฟที่หกเลอะเต็มทั้งพื้นห้องและก็เปื้อนเสื้อผ้าจนดูไม่ได้

“ก็จู่ๆ ชานซองก็เข้ามาดึงแก้วกาแฟที่คุณฮยองชงให้ผมไปดื่มอ่ะดิฮยอง ก็รู้อยู่ว่ามันร้อนยังจะดื่มเข้าไปอีก แล้วเป็นไง ผลที่ได้กลับมาน่ะ” จุนโฮที่ยืนนิ่งอยู่ตรงข้ามชานซองที่ตอนนี้นิชคุณพาไปล้างหน้าเช็ดเสื้อที่อ่างล้างมือแล้วเรียบร้อยไขความกระจ่างให้คนอื่นๆ ที่เพิ่งเข้ามาถึงได้ทราบโดยทั่วกัน

ไอ้ชานมันหึงนี่เอง…

“จะกินก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมาแย่ง นั่นคุณฮยองชงให้ฉันนะ นายนี่มันเสียมารยาทจริงๆ” ริมฝีปากอิ่มยังคงพ่นคำพูดว่าอีกฝ่ายออกมาไม่หยุด มินจุนกับแทคยอนถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมๆ กันด้วยความเหนื่อยหน่าย
เพิ่งจะช่วยให้พวกมันสองคนกลับมาคืนดีกัน ยังไม่ทันข้ามวันไปไหน นี่มันจะกลับมาทะเลาะกันอีกแล้วหรอ โอ้ยยยยย ข่อยเพลียยยยยย

“มีอะไรจะแก้ตัวไหมชานซอง”

ความเงียบเป็นคำตอบเมื่อแทคยอนเอ่ยถามน้องเล็กที่ตอนนี้ยืนหน้านิ่งไม่ตอบไม่พูดไม่จาอะไร แต่สายตากลับมองไปที่จุนโฮ ซึ่งรายนั้นเองก็จ้องกลับไม่วางตาเช่นกัน

บรรยากาศมันมาคุแปลกๆ นะว่ามั้ย? ร้อนๆ หนาวๆ ยังไงไม่รู้แฮะ

แอด~ ปัง

“เด็กๆ”
แต่ก่อนที่จะเกิดสงครามย่อมๆ กันในครัว เสียงเปิดปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงพี่เมเนเจอร์ที่เดินเข้ามาส่งเสียงเรียกให้พวกเขาทั้งหกพากันเบนความสนใจไปยังผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ทันที แทคยอนกับมินจุนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะไล่ต้อนน้องๆ ให้เดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น

“อ่าว นั่นชานซองไปทำอะไรมาเสื้อเปื้อนขนาดนั้น”
“เปล่าครับ” เจ้าตัวตอบพร้อมกับถอดเสื้อยืดที่เปื้อนคราบกาแฟออกทันที เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องที่เรียงตัวสวยจากการมั่นออกกกำลังกายเป็นประจำ
มันคงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาไปซะแล้ว ก็ในเมื่อพวกเขาเองก็ถอดเสื้อเดินโชว์พุงกันในหอออกจะบ่อย

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันมีข่าวดีมาบอกพวกนายด้วย” พี่เมเนอเจอร์พูดเว้นระยะพลางกวาดสายตามองสีหน้าของเด็กๆ หกคนที่ยืนทำหน้าทำตาอยากรู้อยากเห็นออกมากันอย่างชัดเจน

“อะไรอ่ะฮยอง บอกมาเร็วๆ ดิ” อูยองที่ยืนเบียดอยู่ตรงกลางระหว่างจุนโฮกับชานซองรีบแทรกตัวเข้ามาพูดอย่างตื่นเต้น ในหัวก็คิดจินตนาการไปถึงข่าวดีต่างๆ ที่มันอาจเป็นไปได้จากพี่เมเนเจอร์ของพวกเขา

“เชื่อว่าพวกนายต้องดีใจมากแน่ๆ เลยกับข่าวนี้”
“……”

ทั้งห้องเงียบกริบอย่างรอฟัง

“ข่าวดีที่ว่า…”

“อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์หน้าตารางงานของพวกนายว่างให้พักหมดเลย”

“ห๊ะ!!”

“จริงหรอฮยอง O_O!!”
“เย้ๆๆๆ”
เสียงร้องดีใจดังโหวกเหวกโวยวายลั่นไปทั่วห้องกว้าง เหล่าเมมเบอร์ทั้งหกพากันส่งเสียงโห่ร้องดีใจแล้วกระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่ ชานซองกับจุนโฮที่ปั้นบึ้งใส่กันก่อนหน้านี้เหมือนจะลืมมันไปชั่วขณะ ทั้งคู่พากันกระโดดกอดอูยองแล้วเด็กสามคนนั้นก็กระโดดกอดกันเป็นวงกลมด้วยความดีใจกับข่าวที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่

“วู้วๆๆ ว่างทั้งอาทิตย์เลยโว้ยยยยยย”
“เฮ้ยๆ ไปเที่ยวกันๆ” มินจุนเปิดประเด็นขึ้นเป็นคนแรกเมื่อนึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้พร้อมกับดึงเอาตัวแทคยอนที่เต้นท่าประหลาดๆ ให้สงบสติอารมณ์ก่อน และ

ประเด็นนี้ที่พี่ใหญ่ของวงหยิบยกขึ้นมาก็ดูเป็นจุดสนใจสำหรับเมมเบอร์ที่เหลือด้วยเช่นกัน

“ดีเหมือนกันนะ พวกเราเองก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันมานานแล้ว” นิชคุณเห็นด้วยกับความคิดนี้ และคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
“แล้วจะไปไหนอ่ะ อากาศร้อนๆ แบบนี้ไม่อยากจะออกไปไหนเลย”
หน้าร้อนแบบนี้จะไปเที่ยวไหนกันดีล่ะ?? …

“อากาศร้อนๆ แบบนี้นี่แหละเหมาะกับที่ที่ฉันคิดไว้”
“ที่ไหนอ่ะฮยอง พูดมาเร็วๆ ดิ ผมรอจนจะแก่ตามฮยองไปแล้วนะเนี่ย”

“ย่าห์! ไอ้เด็กบ้านี่ พูดอะไรให้มันเข้าหูมั่งเซ่”

“แล้วตกลงฮยองคิดที่ไหนไว้” อูยองรีบห้ามทัพเมื่อเห็นว่าสองพี่น้องจุนบราเตรียมท่าจะตั้งป้องตีกัน รีบพูดขัดขึ้นก่อนทำให้บทสนทนาที่เริ่มหลุดออกนอกกาแล็กซี่เลี้ยววนกลับเข้ามาในทางช้างเผือกใหม่อีกรอบ และรอยยิ้มแปลกๆ ก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของพี่ใหญ่ของวงอีกครั้ง

“ก็ไป…”
“????”

“ไปเกาะปันหยีกัน!!!!”

.

.

.

———-
ไปเกาะปันหยีจองตั๋วได้ด้วยการคอมเม้นและติดแท็ก #เดอะรูมเมทค่ะ 55555
และตามเดิมนะคะ คอมเม้นแรกที่สลับเลข 1,2,3,4,5,6 ให้
พวกเค้าจะเอามาเรียงลำดับไรท์ในการเขียนตอนต่อไปจ้าา

writer : wakkks , rainstill , AatbWoo , Yochan , PaiPOPcoRn , Peachyhachi
tag : #เดอะรูมเมท

—————

-2-

ชานซองดึงลากต้นแขนจุนโฮออกมานอกห้องด้วยใบหน้าที่บ่งบอกอารมณ์โกรธจัด แทคยอนที่นั่งดูหนังอยู่หันมามองน้องด้วยความตกใจ จุนโฮหน้าแดงตาแดงเหมือนคนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อแล้วไหนจะไอ้น้องเล็กตัวโตที่หน้าบึ้งตึงนั่นอีก

ปึก!

จุนโฮรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักชานซองที่ดึงยื้อต้นแขนตัวเองอยู่ออกสุดแรง จนร่างของชานซองเซถอยออกไปเล็กน้อย ดวงตาคมโตเบิกกว้างมองจุนโฮด้วยความตกใจ ไม่ใช่ตกใจที่โดนผลักออกมา แต่ตกใจที่ตอนนี้ใบหน้าเรียวเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาใหม่ ดวงตาเรียวเล็กมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ น้ำใสๆ ไหลรินออกมาไม่ขาด ความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในอกก่อนหน้านี้เหมือนถูกดับด้วยหยดน้ำตาของคนตรงหน้าด้วยน้ำตาเพียงไม่กี่หยดอย่างง่ายดาย

“นายมันงี่เง่า!! งี่เง่าๆๆๆๆ ฮึก ไอ้บ้าชานซอง ฉันเกลียดนาย! ไอ้งี่เง่า!”
จุนโฮปรี่เข้าไปทุบใส่ชานซองที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ยั้ง อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะโต้ตอบอะไร ยืนนิ่งปล่อยให้จุนโฮทุบใส่เขาอยู่แบบนั้น เสียงหวานสะอื้นฮักด่าว่าเขาไม่หยุดปาก ก่อนเจ้าตัวจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
ปัง!!!!

เสียงปิดกระแทกบานประตูดังลั่นไปทั่วห้องแต่จุนโฮก็ไม่คิดจะสนใจว่ามันจะดังไปรบกวนคนอื่นหรือไม่ ใบหน้าหวานหันกลับมามองบานประตูที่เพิ่งปิดไปก่อนคำด่าจะพ่นออกมาเป็นชุดเสมือนคนเก็บกักอารมณ์ไว้ไม่อยู่

“ไอ้โง่เอ้ย! นายมันโง่ๆๆๆ ไอ้หมีบ้า! เอ๋อไม่พอยังจะโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีกโว้ย! ไอ้งี่เง่า!”
ตะโกนใส่บานประตูไม่ยั้ง คิดซะว่าบานประตูตรงหน้าเป็นไอ้หมีหน้าโง่ที่อยู่ด้านนอก แต่ตะโกนด่าได้ไม่ทันไร น้ำเสียงที่อวดเก่งอวดดีด่าถึงใครอีกคนก็เริ่มสั่นสะอื้นอีกครั้ง

ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่งลงกับพื้นห้องอย่างหมดแรงแล้วทุบกำปั้นลงบนพื้นเพื่อระบายอารมณ์

“ทำไมแกถึงได้โง่แบบนี้วะ ไอ้บ้าชานซอง! เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานทำไมไม่รู้เรื่องอะไรเลย! ไอ้โง่ๆๆๆ ฮึก โถ่เว้ย!”

แทคยอนที่นั่งดูหนังอยู่ในห้องนั่งเล่นเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้แต่เงียบ ชานซองเองก็ได้แต่ยืนนิ่งมองบานประตูที่เพิ่งปิดลงไปเมื่อครู่พร้อมกับความรู้สึกที่ตีรวนกันอยู่ในอกจนยุ่งเหยิงไปหมด

ตัดสินใจลากสังขารตัวเองกลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างแทคยอนที่ยังคงมองตามเขาอยู่ และเพราะเสียงปิดประตูที่ดังลั่นไปทั่วห้องแบบนั้น นิชคุณที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วเอ่ยถามถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงดังเมื่อครู่

“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น”
ชานซองเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่ตอบพี่ชายหน้าหวาน ดวงตาคมเหลือบมองนิชคุณด้วยความรู้สึกที่บิดมวลอยู่ในท้อง

จุนโฮชอบคุณฮยอง…

“ไม่มีอะไรหรอก น้องมันก็ทะเลาะกันอย่างปกตินั่นแหละ”
แทคยอนตอบแทนน้องเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบไม่คิดจะปริปากพูดตอบอะไร นิชคุณมองชานซองด้วยสีหน้าที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะเดินเข้ามาตบบ่าแกร่งของน้องชายตัวโตเบาๆ

“เอาน่า ค่อยๆ พูดกัน ชานก็รู้อยู่ว่าจุนโฮเขาเป็นคนยังไง รอให้เขาอารมณ์เย็นก่อนแล้วค่อยไปคุยกันใหม่ก็ได้”
พูดปลอบน้องเล็กด้วยรอยยิ้มหวาน ชานซองเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของพี่ชายก่อนจะคลี่ยิ้มจางๆ

คุณฮยองเป็นคนดี… ใครๆ ก็ชอบสินะ

“ฮยองไปนอนก่อนล่ะ แทคฝากดูน้องด้วย”
นิชคุณบีบบ่าชานซองเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจก่อนจะหันไปพูดกับแทคยอนที่ยังนั่งยกเบียร์กระป๋องขึ้นดื่มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วเดินกลับเข้าห้องไป

“นี่ ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ”
เอ่ยถามน้องเล็กที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดไม่ยอมจา พร้อมกับยื่นเบียร์กระป๋องใหม่ส่งไปให้ เพราะกระป๋องของชานก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ซัดเรียบไปจนหมดไม่เหลือสักหยดแล้ว

“หึ งี่เง่าหรอ… ใครกันแน่ที่งี่เง่า”
เหมือนว่าชานซองจะไม่ได้ยินสิ่งที่แทคยอนเอ่ยถามเลยแต่อย่างใด ดวงตาคมจ้องเขม็งออกไปอย่างไม่มีจุดหมาย น้ำเสียงเยาะๆ เอ่ยออกมาจากริมฝีปากหยักแผ่วเบาเสมือนคนพูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบกระป๋องเบียร์ที่แทคยอนเพิ่งเปิดฝาส่งมาให้ขึ้นซัดทีเดียวไปครึ่งกระป๋อง

“เฮ้ย! ไอ้ชาน มึงเป็นบ้าอะไรของมึงเนี่ย!”
แทคยอนที่นั่งมองหน้าน้องชายตัวเองอยู่จู่ๆ ไอ้เด็กตัวโตนี่ก็บ่นพึมพำอะไรออกมาแล้วยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ รีบคว้ามือมันก่อนที่มันจะซัดเบียร์หมดกระป๋องภายในรวดเดียว

“เปล่า”
“มึงพูดว่าเปล่า แต่การกระทำมึงมันไม่ใช่แล้วววว มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิวะ”
พูดพลางดึงกระป๋องเบียร์ออกจากมือน้อง มีหวังปล่อยให้มันกินอยู่ พรุ่งนี้คงไม่ต้องลุกไปทำงานกันละ

“ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว ผมไม่อยากจะคุยกับคนเอาแต่ใจแบบนั้น”

….

ทางด้านจุนโฮที่หลังจากชานซองเดินออกไปแล้ว ก็ยังคงทรุดนั่งลงกับพื้น หยาดน้ำตาไหลเปรอะสองข้างแก้ม ในใจยังเอาแต่ตัดพ้อต่อว่าเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายปี

ทั้ง ๆ ที่รู้จักกันมานานหลายปี ชานซองกลับไม่ล่วงรู้ถึงความในใจของเขาเลย จุนโฮไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอีกฝ่าย จงใจ มองข้าม หรือเพราะคนร่างสูงกว่าโง่เง่าจริง ๆ กันแน่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไหน หนุ่มตาเล็กก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้

นี่เราเป็นฝ่ายเดียวที่คิดไปเองสินะ?

ได้แต่คิดถามตัวเองอยู่ในใจ แล้วก็ตอบได้แค่ว่า ใช่ ชานซองไม่ได้คิดอย่างที่ตัวเองคิด เพราะถ้าชานซองรู้สึก ชอบ เหมือนกันบ้าง ก็คงไม่เอาแต่เล่นกับคนอื่น ไม่เอาแต่สนใจแต่คนอื่น

และไม่เอาแต่ ยัดเยียด ให้จุนโฮไปสารภาพรักกับคุณฮยองอย่างที่พยายามฉุดกระชากลากถูเมื่อครู่
จุนโฮยกแขนปาดน้ำตาออกจากดวงตาที่เริ่มบวมช้ำทั้งสองข้าง ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นยืนอย่างตัดสินใจอะไรได้

“ถ้าหากอยากให้ฉันสารภาพรักกับคุณฮยองนักก็ได้ ต่อไปนี้ฉันจะไม่สนใจนายอีกแล้วฮวางชานซอง ฉันจะอยู่แต่กับคุณฮยอง สนใจแต่คุณฮยอง เพราะอย่างน้อยฮยองเขาก็ไม่ทำให้ฉันมีแต่เสียใจเหมือนกับนาย!”

คนตาเล็กพูดกับตัวเองและตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำอย่างที่พูด เพราะแม้ว่าจุนโฮจะเปลี่ยนใจชานซองไม่ได้ หากแต่เขาก็ เปลี่ยนใจตัวเอง ได้

ถ้าการชอบเพื่อนแบบเขามัน ทุเรศ นัก จุนโฮก็จะไม่ตามตื๊อหรืออาลัยอาวรณ์อะไรอีก แม้จะรู้ว่าการตัดใจให้ได้นั้นจะยากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ตั้งใจแล้วว่าจะต้องทำให้ได้!

__________________________________________

“มินจุนฮยองงงงงงงงงงงง อยู่ป่ะ”
อ๊คแทคยอนยืนเก้ๆกังอยู่หน้าห้องของผู้อาวุโสกว่า เรียกก็แล้วเคาะห้องก็แล้วแต่ก็ไม่มีคนตอบ ความเงียบสงัดไร้เสียงตอบรับภายในห้องทำให้เขาไม่กล้าเข้าไป แต่สุดท้ายแล้วมือหนาก็ค่อยๆดันประตูห้องให้เปิดออก

“ผมเข้าไปล่ะน้าฮยองงงงงงงง”
ดวงตาคมพยายามมองหาเจ้าของห้อง คอมพิวเตอร์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้บ่งบอกได้ว่าเจ้าของห้องคงไม่ไหนไม่ไกลหรอก ทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนหนานุ่มของอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงเปิดประตูห้องจะทำให้เขาหันไปมอง

“อ้าว มาทำไรเนี่ย?”
มินจุนเอ่ยถาม เพียงแค่เห็นสภาพก็รู้เลยว่ามินจุนเพิ่งไปอาบน้ำมาแน่ๆ หยดน้ำเกาะพราวเต็มตัว ผมสีน้ำตาลคาราเมลเปียกน้ำหมาดๆ มือบางเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก หยดน้ำตรงปลายผมหยดลงบนแผ่นอกสีขาว

“ฮยอง ผมมีเรื่องจะปรึกษา”
พูดพลางกลืนน้ำลายดังเอื้อก สงสัยล่ะสิว่ากลืนทำไม ก็แผงอกสีขาวของคิมมินจุนนั่นแหละ โอ๊ยยยยยยยย อ๊คเครียด อ๊คไม่รู้จะทำไงดี ทำไมหุ่นของมินจุนฮยองมันแซ่บงี้ว้า You’re so sexy

“มองอยู่ได้ พุงกูสึกล่ะ”
พี่ชายคนโตแหวใส่แทคยอนที่ทำหน้าหื่นกามใส่ ไอ้นี่จะจ้องให้พรุนไปเลยป่ะว่ะ จ้องอยู่ได้คนนะเว้ยยยยยไม่ใช่พะยูนในอควาเรี่ยม

“โทษที ตะลึงไปหน่อย แหะๆ”
“มีอะไรเหรอ? ว่ามาสิ” เปิดประตูเสื้อผ้าพลางหยิบเสื้อยืดสีพื้นกับกางเกงสบายๆหนึ่งตัวออกมา
“เอ่อ….ฮยอง ผมว่าไอ้ชานกะจุนโฮมันชักจะยังไงๆล่ะนะ”
หนุ่มหน้าคมเอ่ยแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากร่างของคนตรงหน้า

“แล้ว….?” พูดพลางหยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้เรียบร้อย
“อ้าว ก็ผมอยากให้มันคืนดีกันอ่ะ หรือฮยองไม่อยาก” เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“อยากสิ แต่ไม่รู้จะทำไง อีกคนก็มึนอีกคนก็ซึน กูเครียดดดด”
พูดพลางกุมขมับ คิมมินจุนเกิดมา25ปีไม่เคยรู้สึกว่าปัญหาไหนจะแก้ได้ยากเท่าปัญหาชีวิตรักของไอ้เด็กบ้า2คนนั้น มันไม่รับฟังกันอ่ะอีกคนก็เหวี๊ยงเหวี่ยงเหมือนประจำเดือนไม่มา อีกคนก็หูหนวกตาบอดไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นอ่ะ ทั้งๆที่คนอื่นเขารู้เรื่องกันทั้งหอล่ะ แมร่งก็ไม่รู้เรื่อง คือสิน่าหน่ายแท้หน้อ

“ผมรู้ ก็ลากพวกมันมาถามเลยไง เฮ้ยๆไอ้ชานแกคิดไงกะจุนโฮ เฮ้ยๆจุนโฮแกคิดไงกะไอ้ชาน แค่เนี๊ย จบ”
แทคยอนพูดพลางกอดอกภูมิใจในแผนการของเขา

“โอ้โห แผนการของคุณอ๊กแทคยอนแยบยลและคมคายมากครับ ยกนิ้วให้เลย”
“นิ้วโป้ง?”

“นิ้วกลางน่ะสิ จะบ้าหรือไง ถ้ามันง่ายขนาดนั้นกูจะมาเครียดทำไม พูดดดดด “
แทคยอนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ในความกวนอวัยวะเบื้องล่างของพี่ชายคนโต

“อ่าวแล้วจะทำไงดี หรือเราจะบอกไอ้ชานไปเลยว่าจุนโฮชอบ”
“ไม่ดีอ่ะ เรื่องแบบนี้ฉันว่าให้พวกมันพูดกันเองน่ะดี แต่จะทำยังไงให้มันพูดนี่สิเรื่องใหญ่”
มินจุนนั่งลงตรงข้ามแทคยอนพยายามครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา เอาไงดีว่ะ หัวจิตหัวใจของคนเป็นพี่ก็อยากเห็นน้องๆลงเอยได้เสียกัน ไม่ใช่ล่ะ ลงเอยสมหวังกันเหมือนคู่อื่นๆ แต่คนอย่างอีจุนโฮนี่ต่อให้เอาชะแลงมางัดปากนี่ก็คงไม่ยอมพูดหรอก ส่วนคนอย่างฮวังชานซองนี่ก็แรมต่ำประมวลผลช้าจนน่าเอาไปแยกส่วนที่พันธ์ทิพย์ แมร่งยากอ่ะ งานยากแน่ๆ

“ฮยองๆๆๆๆ ผมรู้ล่ะ” จู่ๆแทคยอนก็พูดขึ้นมา มินจุนเลิกคิ้วเป็นเชิงถามและเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูด
“วันพรุ่งนี้วันเกิดอูยอง ผมว่าเราควรจัดปาร์ตี้เล็กๆกันในห้อง แล้วก็เล่นเกมส์หมุนขวดกันดีไหม?”

“ไอ้เกมส์หมุนขวดนี่มันก็น่าสนอ่ะนะ แต่นายจะรู้ได้ไงว่าที่พวกมันพูดน่ะเป็นความจริง อีกอย่างนะมันก็บ่ายเบี่ยงแถแถกกันได้ทั้งนั้นอ่ะ ไม่เวิร์คอ่ะ”
“โหหหห ฮยอง อย่าลืมสิคนเราพอเหล้าเข้าปากก็พูดความในใจกันทั้งนั้นแหละ เราก็แค่เล่นเกมส์31 แล้วก็แกล้งให้จุนโฮกับชานซองแพ้ บังคับให้พวกมันกินว้อดก้าเพียวๆ ให้มันเมาๆมึนๆแล้วก็เล่นเกมส์หมุนขวดไง”

ราวกับได้ยินเสียงปิ๊งดังขึ้นมาภายในห้อง ทั้งมินจุนและแทคยอนต่างยิ้มกว้างในแผนการอันแสนฉลาดหลักแหลม

“ไอ้แทค แผนนี้กูให้สามผ่านว่ะ”

————————————

เช้าวันใหม่วันที่แสนจะธรรมดาได้เริ่มต้นขึ้น แต่หากว่าวันธรรมดาวันนี้กลับพิเศษมากๆสำหรับใครบางคน..
อูยองตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความอารมณ์ดี ล้างหน้าอาบน้ำแปรงฟันแล้วรีบวิ่งออกมานอกห้อง แทคยอนและมินจุนกำลังช่วยกันล้างผักอยู่ในครัว

“ฮยองง~ ทำไรตั้งแต่เช้าอะ~”
ถามออกไปด้วยความตื่นเต้น วิ่งล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุด

“ก็วันเกิดคนบางคนแถวนี้แหละ เลยว่าจะจัดปาร์ตี้นิดหน่อย”
ตอบออกไปตามจริงเพราะพวกเขาไม่มีเวลาคิดแผนเซอร์ไพรซ์อะไรมากมาย แค่คิดแผนให้สองมักเน่มันดีกันก็ยากพอตัวแล้ว

“เยยยยย้~~~!”
อูยองร้องดีใจก่อนจะวิ่งไปรอบๆห้อง มินจุนชายตามองน้องชายแก้มอูมเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวออกมาเบาๆ เห็นน้องดีใจก็รู้สึกดีใจตามไปด้วย จะเหลือก็แต่น้องชายคนรองกับน้องชายคนสุดท้ายนี่แหละเรื่องใหญ่

“แทค..ไอ่ชานมันคอแข็งมากไม่ใช่หรอว้ะ”
มินจุนถามในขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนล้างผักจัดเตรียมทำอาหารสำหรับปาร์ตี้คืนนี้

“ไอ่ชานน่ะคอแข็ง แต่จุนโฮไม่..หึหึ”
สำหรับคนคออ่อนอย่างจุนโฮแล้ว เหล้าเข้าปากคงไม่รอดแน่ อย่างน้อยง้างปากไอ่ชานด้วยเหล้าไม่ได้ อย่างน้อยง้างปากจุนโฮให้บอกความในใจหน่อยก็ดี

“มันจะใช้ได้จริงหรอว้ะแผนนี้ ชักไม่แน่ใจแล้ว”
“โถ่..ได้ดิฮยอง รอดูแล้วกันๆ”
ทั้งคู่มองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะหันไปใส่ใจกับวัตถุดิบตรงหน้าต่อไป เรื่องราวต่อไปนี้ขอให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน ปูทางให้ขนาดนี้แล้ว รีบๆรู้ใจกันซักทีเถอะ

ส่วนอูยองที่เอาแต่วิ่งไปวิ่งมาก็รีบวิ่งเข้าไปเคาะห้องเพื่อนอย่างจุนโฮทันที เขาอยากจะออกไปซื้อขนมนมเนยเข้ามาเพิ่ม

ก๊อกๆๆ
ออกแรงเคาะประตูพลางยิ้มกว้างรอเจ้าของห้อง ไม่นานจุนโฮก็เดินงัวเงียออกมา กว่าจะได้นอนเมื่อคืนก็ปาไปเกือบเช้า..

“มีอะไรหรอ อูยอง”
“ไปซื้อของเป็นเพื่อนฉันหน่อยดิ เอ้ะ..ตานายเป็นอะไรทำไมบวมๆ..”

“อะ..อ่ออ นอนดึกไปหน่อยอะ ดูหนังเพลิน”
จุนโฮส่งยิ้มจางๆไปให้อูยอง พลางเหลือบไปเห็นใครบางคนเดินมา ใครบางคนที่ทำเขานอนร้องไห้จนตาบวมขนาดนี้ อูยองหันไปมองตามจุนโฮ พอเห็นว่าเป็นชานซองก็รีบปรี่เข้าไปเขย่าแขนมักเน่ตัวโต

“ชานซองงไปส่งฉันกับจุนโฮไปซื้อของหน่อยสิๆๆ”
ด้านคนโดนอ้อนก็ปรายสายตาไปมองจุนโฮเล็กน้อยก่อนจะหันมาพูดกับอูยอง

“เอาสิ วันนี้วันเกิดนาย ฉันจะยอมตามใจนายทุกอย่างเลย”
“จริงนะ!”
“จริงสิ”

“งั้นพวกนายไปกันสองคนแล้วกันนะ”
เสียงหวานพูดจบก็ทำท่าจะปิดประตูหนี แต่ทว่ามีเสียงทุ้มดังขัดขึ้นมาก่อน

“นี่แหละนะ ทำให้เพื่อนแค่นี้ก็ไม่ได้”
จุนโฮชะงักมือไว้แค่นั้น ทำไมต้องว่ากันด้วยก็ไปกันสองคนไม่ได้รึไง คนอย่างอีจุนโฮทำเพื่อ’เพื่อน’มามากพอแล้ว อยากจะพอซักที

“อ่อ..ไม่เป็นไรชานซอง ไม่ไปแล้วก็ได้”
อูยองเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตัดบท ท่าทางแบบนั้นของจุนโฮทำเขารู้สึกไม่ดี อยากจะให้เพื่อนสองคนรีบๆดีกันในวันเกิดเขามากกว่า

แกร่ก..
เสียงประตูดึงความสนใจจากทุกคนให้หันไปมองคนมาใหม่ นิชคุณเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมใบโตทั้งสองข้าง

“คุณฮยองงง~ ออกไปซื้อขนมมาหรอฮะ~”
“ใช่ วันนี้วันเกิดคนบางคนไง”

“เยยย้~~”
อูยองรีบเข้าไปหยิบถุงขนมทั้งหมดเอาไปจัดไว้บนโต๊ะ

“เอาละมาช่วยกันเตรียมของกันดีกว่าเด็กๆ”

.
.
.

“โอ้โหหห ทำไมวอดก้าเยอะแบบนี้แหละแทคฮยอง”
“โถ่ นานๆทีมีปาร์ตี้ก็ต้องจัดกันหน่อยสิว้ะ”
แทคยอนยิ้มตอบอย่างอารมณ์ดี หยิบหมวกแฟนซีที่เจ้าของวันเกิดเตรียมเอาไว้ขึ้นมาสวมพลางเดินไปหยิบนู้นหยิบนี้กินฆ่าเวลา

“เหห้ๆๆ ไอ่แทค อย่าพึ่งหยิบกินไปเรื่อยสิว้ะ นั่น ไอ่ชานด้วย หยุดเลยพวกแกสองคนนี่!”
คุณปู่ประจำหอได้แต่โวยวายที่มีสองยักษ์เข้ามาขโมยขนมไปกินก่อนเวลาปาร์ตี้ ทั้งๆที่อีกห้านาทีจะถึงเวลาที่กำหนดไว้แล้วก็เถอะ

“ฮยองง ผมรอนานแล้วนะ ผมหิวจะตายอยู่แล้ว”
“เมื่อชั่วโมงที่แล้วฉันก็ตักข้าวให้กินไปก่อนแล้วไม่ใช่หรอ”

“มันไม่อิ่มอ่าาา”
บ่นไปกินไป เมื่อไรปาร์ตี้จะเริ่มซักทีกระเพาะเขาส่งเสียงร้องประท้วงดังใหญ่แล้ว หยิบน่องไก่เดินไปนั่งกินข้างๆอูยอง เจ้าคนแก้มย้วยเห็นแบบนั้นจึงออกปากโวยวายใหญ่

“ย๊าาา ชานซองง ทำไมนายเอาไก่มากินก่อนแบบนี้ห๊าาา”
“งัมๆๆ ก็ฉันหิวนี่”
อูยองลงไม้ลงมันกระโจนเข้าไปแย่งน่องไก่สุดโปรดออกมาจากมือชานซอง แต่แน่นอนว่ามักเน่คงไม่ยอมปล่อยให้ของกินหลุดออกจากมือเป็นแน่ แย่งกันฉุดกระชากลากถูอยู่นานชานซองก็เป็นฝ่ายลูกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับยกไก่ในมือขึ้นสุดแขน

“อ้าา ไอ่บ้านชานซอง คิดว่าสูงแล้วฉันจะแย่งไม่ได้รึไงห้ะ!”
“ฮ่าๆๆๆ แน่จริงก็กระโดดขึ้นมาเอาสิ ฮ่าๆๆๆ”
คนตัวเล็กกว่าเขย่งสุดแรงเกิดแต่ทว่าไก่ทอดแสนอร่อยของเขามันก็อยู่สูงเกินไปจนทำให้เขาเซไปมาหน้าเกือบจะขมำทิ่มพื้นอยู่รอมร่อ

“ปัญญาอ่อน..”
เสียงหวานโพลงขึ้นมาลอยๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร มันอดไม่ได้ที่จะแขวะออกไปจริงๆนี่ จุนโฮทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเปิดทีวีรอแก้เซ็ง

“ทำไมนายพูดแบบนี้ละจุนโฮ” เป็นชานซองที่สวนกลับทันที
“อะไร? ฉันแค่พูดเล่นๆ ผิดหรอ?”

“อ่าวๆๆๆ มาๆ ทะเลาะอะไรกัน ถึงเวลาแล้ว”
มินจุนที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นานรีบเดินเข้ามาขัด ทำท่าตบมือเรียกทุกคนให้เข้ามารวมตัวกัน สงครามย่อยๆที่ทำท่าจะประทุขึ้นจึงสงบลง ตามด้วยแทคยอนที่เดินถือวอดก้าติดมือมาสองขวด เสียงเข้มพูดขึ้นยิ้มๆพร้อมกับสายตามีเลศนัย..

“ let’s party everyone หึหึ ”

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาเล่นเกมกันหน่อยมั้ย” มินจุนเดินนำไปที่โต๊ะกินข้าว น้องๆทั้งหมดเดินตามหลังพี่ใหญ่ไปทรุดตัวลงนั่ง ครั้งนี้นิชคุณนั่งหัวโต๊ะ ถัดมาทางขวาคือแทคยอน ตามด้วยอูยอง หัวโต๊ะอีกฝั่งคือจุนโฮ มินจุน และชานซอง

“เกม? เกมอะไร” นิชคุณถามด้วยความสนใจ ดวงตากลมสวยมองขวดวอดก้าตาไม่กะพริบ
“เกม 31” แทคยอนพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดังตามแบบฉบับของตัวเอง นิชคุณหันไปสบตากับแมวยักษ์ก่อนจะเลยไปสบกับมินจุนที่นั่งยิ้มเจ้าเล่ห์ เหลือบไปมองอูยองที่ตอนแรกดูจะงงๆ แต่พอเห็นสายตาที่สบกันของทุกคนก็พอที่จะเข้าใจ

“ได้เลย งั้นฉันเริ่ม วนขวา โอเคนะ” นิชคุณกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะส่งยิ้มใจดีให้กับจุนโฮที่เงยหน้าขึ้นมาพอดี
ชานซองเหลือบมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความไม่เข้าใจ ผิดกับจุนโฮที่นั่งก้มหน้าตลอดเวลา เลือกที่จะไม่สนใจใคร ทั้งๆที่พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแต่กลับทำได้ไม่ดีพอ วันนี้วันเกิดอูยอง เขาจะมาเป็นแบบนี้ไม่ได้

“เดี๋ยวๆ แล้วคนแพ้ต้องทำอะไรล่ะ” เจ้าของดวงตาเรียวเอ่ยถาม เหลือบตามองขวดวอดก้าสลับกับหน้าใบหน้าของแทคยอนไปมา

“แม่นแล้ว! กินมันเพียวๆ! โอเค เริ่ม!” แทคยอนที่เห็นสายตาของจุนโฮก็โพล่งออกมา พร้อมกับบอกให้นิชคุณเริ่มนับทันที

“หนึ่ง สอง สาม” นิชคุณนับพร้อมรอยยิ้ม
“สี่ ห้า หก” แทคยอนนับต่อ
“เจ็ด แปด เก้า” ตามด้วยอูยอง
“สิบ สิบเอ็ด…” จุนโฮนับออกมาเบาๆด้วยความไม่แน่ใจ
“สิบสอง สิบสาม สิบสี่” มินจุนนับต่อ พร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้ชานซอง
“สิบห้า.. สิบหก สิบเจ็ด” ชานซองหมุนแก้ววันช็อตในมือเล่นก่อนจะพูดตัวเลขออกมา
.
.
.
“ยี่สิบแปด” นิชคุณเหลือบตามองแทคยอน
“ยี่สิบเก้า” แทคยอนส่งต่อรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับอูยอง
“สามสิบ!! ย่าห์!! จุนโฮ นายแพ้แล้ว! ฮ่าๆๆๆๆ”
จุนโฮอ้าปากค้างตวัดสายตาคาดโทษพี่ๆทุกคน คนพวกนี้ต้องรุมแกล้งเขาแน่ๆ รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ถูกกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์!! แก้วเล็กบรรจุวอดก้าถูกเลื่อนมาตรงหน้าเขาสองแก้ว… แค่แก้วเดียวเขาก็จะสลบแล้ว ทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้!!!

“สองแก้ว!? อะไร นี่กะจะไม่ให้ผมมีสติเลยใช่มั้ย พวกฮยองกำลังจะทำอะไรเนี่ย!?” ตามประสาคนขี้โวยวาย จุนโฮทำท่าจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ติดที่ว่าอูยองและมินจุนคว้าข้อมือเขาไว้ก่อน

“ย่าห์ๆๆ จุนโฮ! จะมาเบี้ยวแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย ดื่มซะ จะได้เล่นอีกรอบ” ดวงตาเรียวเบิกกว้าง อะไร ยังมีอีกรอบเหรอ!?

“น่า จุนโฮย่า… แค่นี้เอง” เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากหัวโต๊ะอีกฝั่ง คุณฮยอง… จุนโฮเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะกระดกวอดก้าเพียวๆสองช็อตรวด ลำคอร้อนผ่าวจนต้องหลับตาปี๋ ริมฝีปากอิ่มเบ้ออก ไอออกมาเบาๆ
ดวงตาเรียวเผลอกวาดไปสบจ้องกับดวงตาคมของชานซองเข้า ไม่รู้เพราะสติเขาเริ่มไม่อยู่กับตัวหรืออะไร เขาอ่านสายตานั่นไม่ออก น้อยใจเหรอ งี่เง่าน่า..

จุนโฮสะบัดศีรษะไล่ความมึน ได้ยินแทคยอนบอกให้ชานซองเป็นคนเริ่มนับ จุนโฮยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเท้าคาง มองริมฝีปากหยักขยับพูดเป็นคำพูดออกมา
“หนึ่ง สอง” นับวนมาทางนิชคุณจนมาถึงจุนโฮ คนตาตี่นับออกมาโดยไม่คิด เขาไม่มีสติพอจะคิดอะไรนักหรอก มึนจะตายอยู่ละ… อะไร… ใครเมา… ไม่เม๊า….
.
.
.
“ยี่สิบห้า ยี่สิบหก ยี่สิบเจ็ด” วนมาถึงจุนโฮเป็นรอบที่สอง
“ยี่สิบแปด ยี่สิบเก้า สามสิบ!! ชานซอง! ฮ่าๆๆๆ เสียใจด้วยนะไอ้น้อง!!” มินจุนถึงกับยิ้มออกเมื่อจุนโฮพูดตัวเลขออกมาสามตัว ถ้าพูดสองอาจจะไม่ลงที่ชานซอง เผลอๆต้องเล่นอีกรอบ มักเน่ร่างยักษ์ได้แต่ส่ายศีรษะ มองแทคยอนที่เลื่อนแก้วมาให้เขา คว้ามากระดกรวดเดียวจนหมด

มินจุนยื่นขาไปเตะขาของแทคยอนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง แต่ไปโดนขาของอูยองเข้า มินจุนใช้สายตาบอกให้เรียกแทคยอน เจ้าของแผนการทั้งสองสบตากันก่อนจะแสยะยิ้ม
“พอแล้วว่ะ มาเล่นเกมหมุนขวดกันดีกว่า”
“หมุนขวด?” ชานซองถาม นี่พวกฮยองเตรียมเกมอะไรมาเยอะแยะ
“จุนโฮ จุนโฮ เฮ้ย อย่าพึ่งหลับดิ!” อูยองที่นั่งอยู่ข้างๆเขย่าตัวให้จุนโฮรู้สึกตัว เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มหวานฉ่ำ ดวงตาเรียวหรี่ปรือ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาช้าๆ

“ยัง.. ยังไม่หลับหรอกน่า ยังมีเกมสนุกๆรออยู่นี่เนอะ” จุนโฮยิ้มแฉ่ง ประโยคสุดท้ายหันมาพยักพเยิดหน้ากับมินจุน ใบหน้าเรียวขยับเข้าหาคนเป็นพี่ในขณะที่มินจุนต้องเอนหลบ ดวงตาเรียวเบิกกว้างเพราะไม่รู้ว่าคนเป็นน้องกำลังจะทำอะไร เหวยๆ ไอ้เด็กนี่! อย่ามาเฮ็ดกับข่อยจังซี่ เดี๋ยวข่อยโดนไอ้ชานมันงาบหัวจะทำไง!!

“เริ่มเลยสิ!” ชานซองโพล่งขึ้นเสียงดัง ทำให้มินจุนเผลอผลักศีรษะจุนโฮจนหน้าหงาย โชคดีที่อูยองรับไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นงานตกเก้าอี้คงมา

นิชคุณมองหน้าพี่ใหญ่มินจุนแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเป็นคนคว้าขวดมาไว้ในมือ ดวงตากลมสวยกวาดมองไปทั่วก่อนจะหมุน

ฝาขวดหยุดลงที่ฝั่งตรงข้าม ทั้งสี่คนลอบยิ้มกันอยู่ในใจ อีจุนโฮ… งานนี้นายไม่รอดแน่
สายตาทั้งหกคู่จดจออยู่กับขวดที่กำลังหมุนคว้างอยู่กลางโต๊ะว่าจะหยุดที่ใคร ขวดนั้นหมุนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ จนในที่สุดก็หยุดลง มินจุน นิชคุณ แทคยอน ทำหน้าเซ็งเต็มที่ ก็เล่นมาหยุดที่…

จางอูยอง…

นิชคุณมันหมุนยังไงของมันฟะ มือไม่แม่นเลยวุ้ย คิดได้ดังนั้นพี่ใหญ่ก็ได้แต่จิ๊ปาก ยังไงก็อย่าให้เสียแผนนะเฟ้ย แทคยอนรู้ว่ามินจุนไม่พอใจเพราะกลัวไม่เป็นไปตามแผน จึงได้แต่เตะขาพี่ใหญ่เบาๆไปทีนึงเพื่อเตือนสติไม่ให้มินจุนออกนอกหน้ามากนัก เดี๋ยวเจ้าเด็กพวกนี้จะสงสัยเอา นิชคุณแอบหลุดอมยิ้มเล็กน้อย ขอโทษนะมินจุนฮยอง แทคยอน คนหล่อมันไม่ได้ทำอะไรตามใจได้ทุกอย่างนี่หน่า ขอโทษๆ

“อูยองอา ฮยองต้องถามนายนะ ให้นายตอบตามความจริง”

“ว่ามาเลยคุณฮยอง” อูยองทำท่ามั่นใจเต็มที่ กำปั้นน้อยๆทุบไปที่อกข้างซ้ายของตัวเอง

“เดี๋ยวๆๆ ขอเฮียอธิบายกติกานิดนึงนะ ไอ้เกม Truth or Dare เนี่ย คนถามจะถามอะไรก็ได้ เรื่องความลับสุดยอดก็ได้ ส่วนคนตอบมีเลือกว่าจะตอบ Truth หรือตอบ Dare ถ้าเลือกตอบ Truth พวกนายจะต้องตอบตามความเป็นจริงนั้น แต่ถ้าเลือกตอบDare คนถามจะมีสิทธิ์สั่งไอ้คนตอบให้ทำอะไรก็ได้ แต่ฉันในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่สุด คนที่เลือกตอบDareต้องซดวอดก้าเพียวๆสองแก้ว ดูปากคิมมินจุนฮยองนะครับ สองแก้ว อ่อ อีกอย่างหนึ่ง ถ้าตอบ Truth นายจะได้เป็นคนถามคำถามคนอื่นเป็นคนต่อไปนะ แต่ถ้าปิดปากเงียบไม่ยอมเปิดเผยความลับล่ะก็…เชิญซดวอดก้าไปเถอะ ตามนี้นะ” พูดจบ พี่ใหญ่ของหอก็ยักคิ้วอย่างมีเลศนัย ขอฮยองใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการตัดสินใจเถอะ ไม่งั้นแผนไม่สำเร็จแน่ ฮยองขอโทษนะเด็กๆ

“ฮยอง วอดก้าสองแก้วรวดเลยหรอ โหดไปมั้ง” แทคยอนพอจะรู้อยู่แล้วว่ามินจุนคิดอะไรอยู่ แต่ทำเป็นพูดดักคอพี่ใหญ่ไปงั้นแหละ เดี๋ยวไม่เนียน อ๊คฉลาดใช่มั้ยล่ะมินจุนฮยอง คิคิ

“สองแก้วโว้ย ห้ามต่อรอง” มินจุนไม่รอช้ารีบรินวอดก้าใส่แก้วรอแล้ว

“อะแฮ่ม เริ่มเลยนะ” นิชคุณกระแอ้มเล็กน้อยพอเป็นพิธี “อูยองอา ฉันรู้มาว่านายโดนสั่งให้ลดความอ้วน งดของหวานทุกชนิด แต่ดูเหมือนนายจะทำไม่สำเร็จนะ นายแอบกินขนมตอนกลางคืนใช่มั้ย” ว่าแล้วนิชคุณก็เหล่มองไปที่อูยอง อูยองทำหน้าเลิกลั่กอึกอักเหมือนไม่อยากตอบ คุณฮยองรู้ได้ไงว่าเขาต้องโดนสั่งลดความอ้วนและงดของหวาน เรื่องนี้รู้กันแค่เจ้านายกับตัวเองนี่ ทำไมคุณฮยองรู้

นิชคุณยิ้มมุมปาก เขารู้ว่าอูยองโดนสั่งให้ลดความอ้วนมาจากเจ้านายเอง เจ้านายสั่งให้เขาเฝ้าดูพฤติกรรมการกินของอูยองอยู่ห่างๆ แล้วก็ได้เห็นเด็กแก้มบวมตัวแสบคนนี้ย่องไปที่ครัวตอนกลางคืนประจำ เนียนมากจางอูยอง เนี๊ยนเนียน แก้มนายนี่มันออกมันฟ้องอยู่ชัดๆว่านายอ้วนขึ้น ฮยองหวังดีนะ

“Dare” เด็กแก้มบวมตอบพร้อมกับเบะหน้าอังๆ วันนี้วันเกิดผมนะคุณฮยอง ทำงี้ได้งายยย คนใจร้ายยย อูยองจำต้องฝืนใจยกแก้ววอดก้ากระดกเข้าปากและไม่รีรอรีบกระดกอีกแก้วตามไป เขาทำหน้าเหยเก หน้าเริ่มแดง ชานซองหน้าเหยเกตาม อูยองเป็นอีกคนนึงที่ไม่ชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“นิชคุณ นายหมุนต่อ” มินจุนบอกนิชคุณที่มัวแต่มองเด็กแก้มบวมอยู่

ควับบบบ นิชคุณเริ่มหมุนขวดอีกครั้ง

จุนโฮเถ๊อะ คิมขออออออออ
.
.
.
เหมือนคำขอของมินจุนจะได้ผล ปากขวดชี้ไปที่จุนโฮพอดีเป๊ะ นิชคุณกับมินจุนยิ้มมุมปาก แทคยอนดีดนิ้วดังเป๊าะอย่างถูกใจ
ทำไมพวกฮยองดูดี๊ด๊ากันจัง…ชานซองขมวดคิ้วเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“ฉันขอใช้สิทธิ์ความเป็นพี่คนโตถามจุนโฮได้ป้ะนิชคุณณณณ น๊า” มินจุนเอื้อมไปจับมือนิชคุณบีบเบาๆแล้วทำตาปริบๆเหมือนอ้อนวอน สาบานนี่พี่ใหญ่ ทำตัวเด็กยิ่งกว่าไอ้น้องเล็กตัวโตนั่นอีก เฮ้อ

“อ้ะได้ๆ นี่ให้เพราะเป็นพี่ใหญ่นะเนี่ย” ถึงจะให้แต่สายตาของนิชคุณก็แอบค้อนใส่มินจุนไปนิดนึง มินจุนดี๊ด๊าแล้วแอบจุ๊บมือเบาๆอย่างลืมตัว นิชคุณหน้าเหว๋อกับท่าที่ของพี่ใหญ่

“มินจุนฮยอง!” อยู่ๆอูยองก็เหวพี่ใหญ่ขึ้นมา บ๊ะ ขัดใจจริงแค่จุ๊บนิดเดียวเองเฟ้ยไอ้เด็กแก้มอ้วน
จุนโฮมองนิชคุณด้วยสายตาที่แปลกไปจากทุกที คุณฮยองนี่หล่อไม่เบาเลยแหะ เป็นคนดีแถมมีเสน่ห์อีกต่างหาก ถ้าเปลี่ยนใจชอบคุณฮยองได้คงดีไม่น้อย
ท่าทีของจุนโฮที่มองนิชคุณทำให้น้องเล็กตัวโตรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา จะให้หมั่นไส้ได้ไงดูสายตาที่มองคุณฮยองเถอะ หวานหยาดเยิ้มยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า นายมันขี้อ่อย ชอบนักไม่ใช่หรอคุณฮยองน่ะ รีบไปบอกรักสิ ชานซองกัดฟันเบาๆเพื่อข่มความรู้สึก ไม่อยากแสดงออกมากว่าไม่ชอบใจ ไม่ชอบ ไม่ชอบบบบ

“อีจุนโฮ” มินจุนเรียกน้องชายตาตี่

“ครับฮยองงงงงง” เสียงหวานตอบรับยานคาง มินจุนแอบยิ้มอุบอิบ แบบนี้ถ้าโดนวอดก้าสองแก้วจะเป็นยังไงนะ หึหึ แค่คิดคิมก็เขินแล้ว โอ๊ยยยยยย

“นายแอบรักใครอยู่หรือเปล่า” ถามไปแล้ว รีบตอบสิฟะจุนโฮ

จุนโฮรู้สึกเหมือนหนังตาจะปิดลงเอาเสียดื้อๆ เขาไม่เมานะ ไม่เมาจริงๆ แค่รู้สึกมึนๆเฉยๆเท่านั้นแหละ มินจุนฮยองถามอะไรเขาแบบนี้ แล้วใครจะกล้าตอบกัน ตอบไปเลยได้มั้ยว่าเป็นนิชคุณฮยอง เอ๊ะ นั่นก็โกหกสิ แต่ไม่มีใครรู้นี่หน่าว่าเขาชอบใคร อา…ทำไงง่วงแบบนี้นะ

“ใช่ ผมกำลังแอบรักคนบางคนอยู่ คนนั้นเป็นคนโง่ด้วย” ไม่ไหวแล้ว ตาจะปิดแต่ต้องพูดความจริงออกไปสินะ ตอนนี้แหละ..

ชายหนุ่มทั้งห้าคนมองจุนโฮอย่างตะลึง เข้าใจตรงกันว่าจุนโฮต้องเมาแล้วแน่ๆ อีจุนโฮตอนนี้ไม่เหมือนเดิม สายตาเปลี่ยนไป คำพูดคำจาก็ด้วย เชื่อแล้วว่าเหล้ามันเปลี่ยนคนได้จริงๆ และคนเมามักพูดความจริง จุนโฮตาเยิ้มเต็มที่ ยิ่งเพิ่มความหวงให้ชานซองเข้าไปอีก อะไรของเขากันนะท่าทีแบบนั้น น่าหมั่นไส้

“นายชอบใคร บอกฮยองได้มั้ย” มินจุนยืนหน้ามาใกล้จุนโฮไม่ถึงคืบ ชานซองรู้สึกวูบวาบแปลกๆในท้อง เขากำลังจะลุกขึ้นยืนอยากเดินหนี แทคยอนเห็นท่าทีแบบนั้นของชานซองก็รู้แล้วว่าไอ้น้องเล็กมันเป็นอะไร

หึงไง..

คิดได้ดังนั้นเขาก็เตะขาชานซองเบาๆเป็นการปรามชานซองให้ใจเย็นๆ ชานซองเหมือนจะรู้สึกตัวจึงนั่งเงียบรอฟังคำตอบ

“ชอบ..ชอบมานานแล้ว แต่ ฮึก เขาไม่เคยสนใจผมเลย ไม่เลยซักครั้งเดียว” พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาเล็กๆนั่น “ผมชอบ ชอบ ชะ…” ยังไม่ทันจะพูดจบ ร่างบางก็ฟุ่บหลับลงไปกับโต๊ะเสียแล้ว

แม่แหกกกกกกก จะได้รู้เรื่องอยู่แล้วเชียว แกหลับทำม๊ายยยยยยยยย เมาแล้วหลับตอนนี้มันใช่ม้ายยยย อีจุนโฮ!!!! มินจุนกับแทคยอนมองหน้ากันแบบเสียดายสุดขีด

นิชคุณปรี่เข้ามาจะมาดูแลจุนโฮที่ฟุ่บนิ่งไปไม่ยอมขยับแต่…

“คุณฮยองไปดูแลอูด้งเถอะครับ ทางนี้เป็นหน้าที่ของผมเอง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ช้อนร่างบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอนทันที

เจ้าอีจุนโฮคนสร้างภาระ!!

ภาพที่มินจุนเห็นทำให้เขาต้องยิ้มออกมา ชัดเลย เด็กสองคนนี้มัน…อ๊ากกกกก

“ไอ้แทค ฉันว่าความจริงเราไม่ต้องเล่นเกมก็ได้นะเว้ย โถ่เอ้ย จับมอมเหล้าก็จบเรื่องแล้วป้ะวะ”

“นั่นดิฮยอง คิดแผนกันทำไมวะ แต่เมื่อกี้ไอ้ชานแม่งโคตรหล่อ”

“ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยล้ะ มีเวลาให้เคลียร์กันทั้งคืนเลย หึหึ เชื่อมั้ย เช้าวันพรุ่งนี้กลับมางุ้งงิ้งๆใส่กับเหมือนเดิม”

แล้วพวกนายต้องมาขอบคุณฉันทีหลัง ฮวางชานซอง อีจุนโฮ

คิมมินจุนจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นของน้องเล็กทั้งสองแล้วก็รู้สึกหน้ามันร้อนผ่าวๆ เขายืนเขินจนบิด ไม่รู้จะระบายความฟินยังไงจึงหยิกแขนคนข้างๆแรงๆไปทีนึง

“ฮยองงงง หยิกผมทำไมเนี่ย เจ็บนะ” แทคยอนลูบแขนตัวเองปอยๆ ฮยองนี่เอะอะตี เอะอะหยิกตลอด ชอบใช้ความรุนแรงหรือไง

“ขอโทษว่ะ พอดีคนมันเขิน”

“ฮยองอิจฉาไอ้เด็กสองคนนั้นหรอ ผมช่วยได้นะ” พูดจบแทคยอนยิ้มเจ้าเล่ห์ยืนหน้ามาหาคนตัวเล็กกว่า ส่งผลให้มินจุนหน้าแดงแปร๊ดยิ่งกว่าลูกตำลึง

“จะไปไหนก็ไปเลยไป๊ ฉันไม่คุยกับนายแล้วว้อย!” คิมมินจุนพลักร่างหนาให้พ้นตัวแล้ววิ่งเข้าห้องไปด้วยความเขิน แทคยอนหัวเราะในลำคอและส่ายหน้าเบาๆ

คนนี้ก็ปากแข็งเหมือนกันนั่นแหละ หึหึ

———————————————–

เอาเสิร์ฟแล้วฮับบบ สำหรับตอนที่2ทีแรกไรท์ว่าจะเอาลงวันอาทิตย์แต่รอไม่ไหวไง ยอมแพ้ ลงวันนี้ก็ได้ 555555
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับตอนนี้ แฮ่ๆ หวังว่าจะชอบกันนะคะ *โค้ง*

เหมือนเดิม รีดเดอร์คะ ช่วยเรียงเลข1-6ให้บรรดาไรท์เตอร์หน่อยนะคะ รบกวนด้วยน๊า
อาทิเช่น 416352 ประมาณนี้นะคะ เพราะไรท์หกคนก็ตีกันเองนั่นแหละค่ะว่าใครจะเริ่มแต่งคนแรกในตอนต่อไป
ขอบคุณที่รออ่าน ขอบคุณที่ตามกัน รู้สึกซาบซึ้งใจ เป็นกำลังใจดีมากเลย ;3;

writer : wakkks , rainstill , AatbWoo , Yochan , PaiPOPcoRn , Peachyhachi 
tag : #เดอะรูมเมท

—————

.

.

 

ณ ห้องพักขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโซล

เข้าสู่หน้าร้อนที่แสงแดดพากันแผดเผาผิวกายได้ง่ายๆ ถ้าเผลอได้ย่างกายออกไปเผชิญกับอากาศภายนอก ไม่พ้นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศให้ความเย็นอยู่ในห้องพักสี่เหลี่ยมแบบนี้เป็นแน่

“เมื่อไหร่คุณฮยองจะกลับบบบบบ”
เสียงร้องโหยหวยของเจ้าของแก้มป่องๆ ร้องโอดครวญพลางสะบัดตัวดิ้นไปมาอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น
“ฮื่อออ หิวแล้วนะ” เสียงบ่นอู้อี้ดังตามมาอีกระลอกจากร่างหนาที่นอนเหยียดยาวฟุบหน้าลงกับหมอนบนพื้นห้องข้างๆ อีกคนที่ยังคงดีดดิ้นไปมาไม่หยุด

“เลิกบ่นกันสักทีเห่อะน่า”
เจ้าของดวงตาเรียวเล็กปรายหางตาลงไปมองสองร่างที่ยังคงนอนโอดครวญกันอยู่ไม่เลิก ปรายนิ้วเรียวกดพรมลงบนแป้นพิมพ์แล็ปท็อปที่วางเทินหมอนใบหนาอยู่บนตัก

“จุนโฮอา โทรตามคุณฮยองให้หน่อยสิ ฉันหิวไก่จะตายอยู่แล้วววว”
ไม่พูดเปล่า อูยองก็นอนดิ้นเร้าๆ อยู่บนพื้น ไม่อยากจะขยับตัวลุกไปไหน นี่ก็เปิดแอร์ปรับลดองศาให้ต่ำลงแล้ว มันก็ยังระอุไปด้วยความร้อนอยู่เลย ห้องใหญ่แบบนี้แอร์ตัวเดียวเอาไม่อยู่หรอกนะ

“ชานซองโทรหาคุณฮยองสิ”
ริมฝีปากอิ่มเอ่ยสั่งอีกคนที่ยังนอนฟุบหน้าลงกับหมอนบ่นงึมงำไม่เป็นภาษา ขณะสายตาก็ยังคงจ้องแต่หน้าจอแล็ปท็อปอยู่อย่างนั้น
“ฮื่อออ อูยอง นายก็ลุกไปโทรเองสิ”
ชานซองผงกหัวขึ้นมาพูดกับอูยอง แต่มีหรืออีกฝ่ายจะยอม

“นายนั่นแหละ ลุกไปเลยไอ้หมีเอ้ย”
พูดพร้อมกับถีบเท้าใส่อีกร่างยิกๆ เป็นตัวเร่งให้ชานซองลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์

“งื่อ ลุกแล้วๆ” จำใจลุกขึ้นเดินมึนๆ ไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างโซฟาที่จุนโฮนั่งอยู่ หางตาเหลือบมองอีกคนที่ดูจะไม่สนใจสิ่งรอบตัวเลยนอกจากหน้าจอแล็ปท็อปตรงหน้าตัวเอง

“ฮัลโหลฮยอง”
กรอกเสียงลงไปตามสาย เมื่อสัญญาณรอสายเปลี่ยนมาเป็นเสียงนุ่มๆ ของผู้เป็นพี่ที่กดรับสายแล้ว

[ ว่าไงชานซอง ] เสียงเซ็งแซ่ดังตามสายมาให้ได้ยิน ฟังก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังยุ่งอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะแน่ๆ
“ฮยองจะกลับตอนไหนอ่า”

[ อีกสักพักแหละ พอดีฮยองมีงานด่วน ฝากข้าวไปกับแทคแล้ว เดี๋ยวอีกไม่นานแทคก็คงถึงแล้วล่ะ ]
“อ่า…โอเคครับ ผมไม่กวนแล้ว”
ชานซองเอ่ยลาพี่ชายหน้าหวานก่อนจะกดวางสายแล้วเดินหน้าเนือยกลับมาทิ้งตัวลงนอนทับอีกร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น

“อ็อก! เฮ้ย ไอ้ชาน ลุกออกไปนะเว้ย!”
อูยองโวยวายทันทีหลังจากที่ชานซองเดินมาล้มตัวลงนอนทับเขาโดยไม่ดูขนาดตัวของตัวเองเลยสักนิด ตัวใหญ่ยักษ์อย่างกับหมีควายแบบนี้ทิ้งตัวลงมานอนทับเขาได้!

“อื้อออ”
ทำหูทวนลมครางงุ้งงิ้งก่อนจะมุดหน้าลงถูไถไปกับแผ่นหลังของพี่ชายแก้มป่องที่ตัวเขาไม่ค่อยจะได้เรียกพี่สักเท่าไหร่
“อูด้งอ่า ฉันหิวอ่า”
พูดมุบมิบอยูในลำคอก่อนจะงับบนหัวไหล่เล็กๆ จนอีกคนร้องโวยวาย

“เฮ้ย! ฉันไม่ใช่ของกินโว้ยยยยย ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
พยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากอีกคน แต่ดูจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเหลือเกิน ในเมื่อขนาดตัวมันต่างกันริบลับแบบนี้
“อย่ากัด! น้ำลายเว้ย สกปรก ไอ้บ้านี่นิ แล้วฮยองว่าไง”
พลิกตัวกลับมาหาร่างที่นอนกอดทับตัวเขาเป็นตุ๊กแกทากาวตราช้าง ยกมือขึ้นดันหน้าอิตาเลี่ยนมึนๆ ให้ออกไปห่างๆ แต่ชานซองก็พยายามมุดหน้าลงไปกับอกเขาซะอย่างนั้น แต่ถึงแม้จะพยายามผลักไสอีกคนให้ออกไปอย่างทุลักทุเลแค่ไหนก็มิวายถามถึงพี่ชายหน้าหวานที่ตนเพิ่งให้เจ้ามังเน่หน้าแก่นี่ลุกไปโทรหา

“ฮยองฝากข้าวมากับแทคฮยองแล้ว เดี๋ยวก็คงใกล้ถึงแล้วล่ะ”
เอ่ยตอบเสียงอู้อี้เมื่อฝังหน้าตัวเองลงกับอกแบนๆ ของอูยองนิ่ง
“เออ ลุกออกไปได้แล้ว ร้อนเว้ยร้อนนนนน”
อูยองร้องโวยวายเสียงดัง อากาศก็ร้อน ไอ้หมีนี่มันก็ยังมาทำให้รู้สึกอึดอัดอีก โว้ยย กูอยากจะบ้าตายกะละมังซักผ้าจริงๆ

กริบ…
ไร้เสียงตอบรับจากร่างหมีควายที่ยังคงนอนกอดตัวเขาเสมือนหมอนข้างนิ่ง…

“ไอ้ชาน จะลุกดีๆ ไหมห้ะ!” ดึงทึ้งผมอีกฝ่ายแต่ดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด ชักจะหมดความอดทน ปกติก็ยอมอยู่หรอกนะ แต่วันนี้อากาศมันร้อนกว่าทุกวัน อารมณ์ก็พาลจะเสียไปด้วย ยิ่งมีคนมาเกาะแกะแบบนี้ก็ยิ่งหงุดหงิด
ผัวะ!

“โอ้ยยย!”
ยังไม่ทันที่จะเริ่มแงะท่าไม้ตายตัวเองออกมาใช้ จู่ๆ ร่างของชานซองก็หลุดออกจากตัวเขาลอยละลิ่วออกไปจนเกือบจะชนตู้วางทีวีที่อยู่ไม่ไกล พอหันไปมองต้นตอของแรงมหาศาลที่จัดการร่างของน้องเล็กก็เห็นจุนโฮยืนหน้าบึ้งตึงเท้าสะเอวมองชานซองที่ตอนนี้ยังคงไม่ยอมลุกขึ้นมาเอาแต่ร้องครวญครางอยู่ที่เดิม สำออยชะมัดเลย

“จุนโฮอ่า ทำไมต้องรุนแรงใส่กันแบบนี้ด้วย”
“รำคาญ!” กระแทกเสียงตอบก่อจะหมุนตัวเดินกลับไปหยิบแล็ปท็อปที่ยังเปิดหน้าจอค้างไว้แล้วเดินกระแทกเท้าปึงปังกลับเข้าห้องตัวเองทันที ทิ้งให้สองชีวิตที่เหลือมองตามไปอย่างงงๆ

“ประจำเดือนมาไม่ปกติรึไงฟ่ะ” อูยองบ่นงึมงำก่อนจะกลิ้งตัวกลับไปนอนหนุนหมอนชานซองที่วางทิ้งไว้ ไม่สนใจอีกฝ่ายที่ยังนั่งจุ้มปุ้กอยู่ที่เดิมตั้งแต่โดนฝ่าเท้าของจุนโฮถีบเปรี้ยงออกไปก่อนหน้านี้

นั่นก็อีกคน สติเลื่อนลอยเหมือนคนไม่เต็มเต็งอีก

ชานซองยังคงนั่งมึนต่อไป ในขณะที่อูยองนอนกลิ้งไปกลิ้งมา ดวงตาเรียวมองเข็มนาฬิกาที่ขยับทุกๆวินาทีอย่างใจจดใจจ่อ แทคยอนฮยอง มาเร็วๆหน่อยเซ่ เขาหิวจะตายอยู่แล้ว!!

เสียงเคาะประตูทำให้อูยองกระเด้งตัวขึ้น พร้อมกับชานซองที่เหมือนว่าสติจะกลับมา คนตัวสูงรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที กลิ่นหอมของไก่ทอดลอยเข้าจมูกทำให้อูยองรีบวิ่งเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมจานชามให้พร้อม

“อ้าว มินจุนฮยอง ไหนบอกกลับดึก”
ชานซองเปิดประตูให้กว้างขึ้น พร้อมกับหลีกทางให้พี่ใหญ่เดินเข้ามาก่อน ตามด้วยแทคยอนที่แบกของพะรุงพะรังเข้ามา
“พอดีเสร็จธุระเร็วน่ะ เลยโทรให้ไอ้แทคมันมารับ แล้วจุนโฮอยู่ไหนล่ะ”
คนเป็นพี่เอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาแล้วไม่เห็นร่างของรุ่นน้องตาตี่ขี้โวยวาย

“หงุดหงิดไอ้ชานเข้าห้องไปแล้ว” อูยองที่กำลังพยายามแย่งถุงไก่จากแทคยอนอยู่ในครัวเอ่ยตอบ
“โอ้ย! ฮยอง ผมหิวจะตายอยู่แล้ว อย่าแกล้งกันเซ่!”

“ไม่ได้จะแกล้ง! ถุงที่มึงแย่งอยู่นี่มันถุงไอศกรีมโว้ย กูจะเอาไปแช่ตู้เย็น!!!”
มินจุนหัวเราะพรืดก่อนจะเดินตรงไปเคาะประตูห้องของจุนโฮเบาๆ เจ้าของห้องขานรับแต่ไม่เปิดประตู ทำให้คนเป็นพี่หงุดหงิดเล็กน้อย

“จุนโฮ! ออกมากินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวเย็นหมดไม่อร่อยกันพอดี”
“แล้วคุณฮยองไม่กลับมากินพร้อมกันเหรอครับ”
ชานซองเอ่ยถามถึงพี่ชายที่แสนดีของเขา พร้อมกับเงยหน้ามองมินจุนและจุนโฮที่พึ่งเดินออกมาจากห้อง ดวงตาเรียวสบกับดวงตาคมแวบหนึ่งก่อนที่คนตัวเล็กจะเป็นคนเสหลบ

“อะไร สองคนนี้โกรธกันมากรึไง” มินจุนว่าเบาๆ
“ไอ้คุณบอกให้กินไปก่อนเลย เห็นว่าเดี๋ยวอูยองจะหิวตายซะก่อน” แทคยอนเป็นคนตอบคำถามของชานซอง น้องเล็กสุดพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

ชานซองทรุดตัวลงนั่งหัวโต๊ะ ถัดมาทางขวาคือมินจุน จุนโฮ หัวโต๊ะอีกฝั่งคืออูยอง ตามด้วยแทคยอนที่นั่งอยู่คนเดียวติดกับชานซอง
บรรยากาศบนโต๊ะเงียบผิดปกติ มินจุนที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเด็กสองคนเริ่มที่จะทำตัวไม่รู้ จุนโฮทำตัวเหมือนปกติ มือเรียวยื่นออกไปใช้ส้อมจิ้มน่องไก่ พร้อมกับชานซองที่ดูเหมือนจะเล็งน่องชิ้นนั้นไว้เหมือนกัน เกิดสงครามประสาทกลางโต๊ะอาหารโดยมีพี่ใหญ่นั่งคั่นพร้อมกับน่องไก่ที่เป็นตัวประกัน
มินจุนสบตากับแทคยอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ส้อมที่อยู่ในมือของคนตัวสูงตีลงบนส้อมของชานซองและจุนโฮแรงๆ

“ย่าห์!!! ชิ้นนี้ของฉัน!”
ดวงตาเรียวตวัดมองแทคยอนทันที ริมฝีปากเผยอขึ้นทำท่าจะเถียง แต่พอเห็นว่าชานซองยอมถอนทัพตัวเองก็เลยเลือกจะไปจิ้มชิ้นอื่นแทน
“ถ้ายังเป็นแบบนี้แล้วคุณฮยองกลับมาเจอ รู้ใช่มั้ยว่าจะเป็นยังไง”
อูยองที่นั่งแทะไก่เงียบๆพูดขึ้นลอยๆ จุนโฮนั่งหลังตรง ไม่ต่างจากชานซองที่นั่งตัวแข็งทื่อ

“อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีแล้ว ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้” มินจุนว่าพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา
เสียงเปิดประตูแสดงถึงการมาของใครบางคนทำให้บรรยากาศบนโต๊ะกลับมาเงียบอีกครั้ง
“คุณฮยองงงงงง ผมเหลือไก่ไว้ให้ครับ” อูยองรีบอ้อนพี่ชายหน้าหวานทันที ฝ่ายนิชคุณที่พึ่งมาถึงก็ยิ้มรับเดินไปวางกระเป๋าบนโซฟา ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆแทคยอน

“โอ้ย!” จู่ๆชานซองที่นั่งอยู่หัวโต๊ะก็ร้องออกมา มินจุนหันขวับไปมองด้วยความตกใจ เห็นว่าดวงตาคมจ้องจุนโฮเขม็งก็พอจะเข้าใจ เจ้าของดวงตาตี่ฉีกยิ้มหวานให้กับน้องเล็กที่กำลังกุมเท้าของตัวเองอยู่ใต้โต๊ะ ชานซองกัดฟันแน่น ฝากไว้ก่อนเถอะอีจุนโฮ!!!

“อุ่ย เจ็บหรอชานซอง โทษทีนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
จุนโฮยิ้มมุมปากเชิงเยาะเย้ย การกระทำสวนทางกับคำพูดเห็นๆ
“อีจุนโฮ มันจะมากเกินไปแล้วนะ นายเป็นอะไร ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
ชานซองเริ่มขึ้นเสียงนิดๆ เขาอดทนไม่ได้ทุกเรื่องหรอก มั่นใจว่ายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แล้วอยู่ๆมาเหวี่ยงใส่ทำไม ให้ตายเถอะ

มินจุนทำหน้าเลิกลั่ก เอาแล้วววว เอาแล้วเว้ยยยย ชานซองมันตบะแตกแล้ววว คิมเพลียยยยยย ทำไงดีฟะ ทำไมไอ้เด็กสองคนนี้มันต้องทะเลาะกันกับอีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆด้วย ไม่เข้าใจ คิมไม่เข้าจายยยยย

แทคยอนเหมือนรู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาเอือมมือไปบีบมือมินจุนเบาๆเหมือนจะบอกประมาณว่าเดี๋ยวจัดการเอง ก่อนที่มันจะเหตุการณ์มันจะมาคุกว่านี้

“อีจุนโฮ ฮวางชานซอง!!!” แทคยอนยังไม่ทันจะจัดการอะไร เสียงของหนุ่มหน้าหวานก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“…”

อูยอง มินจุนและแทคยอน ได้แต่เงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพราะรู้ว่านิชคุณไม่ชอบเวลาเห็นคนในหอทะเลาะกัน อีกอย่างตอนนี้ออร่าดาร์กของเขามันก่อตัวขึ้นมาแล้วล่ะ

“…”
ชานซองกับจุนโฮก็ได้แต่เงียบเช่นกัน แต่สายตาของทั้งคู่ต่างมองกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนนึงก็มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด อีกคนก็หงุดหงิดที่เห็นภาพบาดตาแบบนั้น

“พวกนายสองคนทะเลาะอะไรกัน ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้คนในหอทะเลาะกัน” นิชคุณเริ่มถามชานซองกับจุนโฮ
“ก็มัน../ก็ไอ้นี่.. เฮ้ย! นายแย่งฉันพูดทำไมวะจุนโฮ”

“นายนั่นแหละที่แย่งฉันพูด แถมยังไม่รู้ตัวอีกว่าทำอะไรผิด ฉันเกลียดคนอย่างนายที่สุดเลยโว้ย!!!” จุนโฮตะเบ็งเสียงใส่ชานซอง แล้วก็วิ่งเข้าห้องของตัวเองอีกครั้ง

ปัง!!! หลังจากสิ้นเสียงประตู ทุกอย่างก็เงียบกริบ

“ย๊าห์! จุนโฮ นายกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิโว้ย”
มินจุน ไม่รอช้า รีบวิ่งตามน้องชายขี้เหวี่ยงไปทันทีตามด้วยแทคยอน แต่เหมือนจะไม่ทัน จุนโฮล็อกห้องเรียบร้อย ทำให้มินจุนกับแทคยอนต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นาน แต่ไม่เป็นผล ทั้งสองคนเดินคอตกกลับมานั่งที่โซฟา

“นี่มันวันอะไรของฉันกันวะเนี่ย โดนเจ้านายด่าจากที่ทำงานไม่พอแล้วยังต้องมาเจอพวกนายทะเลาะกันอีก ไม่เบื่อหรือไง สามวันดีสี่วันทะเลาะกันอีกล้ะ” นิชคุณถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปนั่งโซฟา
“ฮยองงงงงงงงง อย่าเครียดสิ เดี๋ยวแก่เร็วน้า~” ไม่รอช้า อูยองก็เดินมานั่งข้างๆนิชคุณ พลางเอาหน้าถูแขนนิชคุณไปมา นิชคุณอมยิ้มเล็กน้อยก่อนลูบหัวอูยองอย่างเอ็นดู

อูยอง…ขอบคุณนะ นายอยู่ข้างฉันเสมอเลย
ฮยอง…อูยองเป็นห่วงคุณฮยองนะรู้มั้ย อยากให้ฮยองยิ้มเยอะๆเลย อย่าเครียดนะ อูยองแค่อยากให้คุณฮยองอารมณ์ดี

สายตาคมมองไปทางประตูห้องที่ปิดสนิทและมองนิชคุณกับอูยองนิ่งๆ

อูด้ง…ฉันก็มีเรื่องเครียดเหมือนกันนะ ฉันเพิ่งทะเลาะกับไอ้บ้าจุนโฮ อูด้ง ฉัน…

“จริงๆเล๊ย ไอ้จุนโฮจะโกรธอะไรจริงจังขนาดนั้นนักวะ ชานซอง ฉันถามจริงเหอะว่านายไปทำอะไรให้จุนโฮโกรธน่ะ”
เสียงของพี่ใหญ่ที่สุดในหอได้เอ่ยขึ้นมา หลังจากทนความมาคุไม่ไหว คิมไม่ชอบบรรยากาศมาคุอ้ะ คิมไม่ชอบบบ

“ฮยอง ผมมั่นใจเลยนะว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรจุนโฮมันเลย ผมแค่นอนทับอูด้งเล่นๆเฉยๆ แล้วอยู่จุนโฮมันก็เดินมากระชากผมอย่างแรง แล้วก็ปึงปังๆอย่างที่ฮยองเห็นนี่แหละ ไม่รู้เป็นบ้าอะไรของมัน” ชานซองระเบิดอารมณ์สาธยายออกมาอย่างเหลืออด ก็จุนโฮมันไม่มีเหตุผลนี่หว่า

“ไอ้ชาน นายจะมาทับฉันทำไมก็ไม่รู้ ตัวยังกับยักษ์ แถมเอาน้ำลายมาโดนตัวอีก ยี๋”
อูยองพูดไปด้วยทำหน้าเบะอังอังเหมือนจะร้องไห้ไปด้วย “คุณฮยอง ผมไม่ชอบเลย ชานซองน่ะขี้แกล้งคนแถมยังชอบตีหน้ามึน” อูยองได้ทีรีบฟ้องนิชคุณ เขายิ้มขำ ยิ่งเห็นหน้าขี้อ้อนทำแก้มป่องแบบนี้แล้วหมั่นเขี้ยว เลยบีบจมูกน้อยๆของอูยองเบาๆ

“ชานซองอ่า นายไม่รู้จริงๆสินะ เด็กน้อย”
นิชคุณเอ่ยขึ้นมา นิชคุณรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมจุนโฮถึงทำแบบนี้กับชานซอง แม้ว่าเขาเองจะไม่เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่แรกก็เถอะ แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะหงุดหงิดมากกว่าที่จะมารู้อะไรแบบนี้ ก็หมอนี่มึนจะตาย

“แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อล่ะ แลจุนโฮจะโกรธจริงจังนะ ง้อยากนะโว้ยไอ้ชาน” แทคยอนได้ทีเตือนสติน้องชาย
“ผมไม่เห็นอยากจะสนเลยฮยอง ปล่อยไปเถอะ เดี๋ยวก็กลับมาคุยเองแหละ”
ชานซองยักไหล่แบบไม่แคร์ โกรธก็โกรธไปดิ ไม่ง้อให้เสียเวลาหรอก คนอะไร เหวี่ยงได้ทุกเรื่อง ไม่มีเหตุผล

“ย๊าห์ นายทำยังงี้ไม่ได้หรอกชานซอง ไปขอโทษจุนโฮซะ ถึงนายจะบอกว่านายไม่ผิด แต่ขอโทษก่อนไม่เสียหายหรอกน่า ยังไงนายกับจุนโฮก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรอ จะให้มาแตกด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้เนี่ยนะ”
ผู้อาวุโสที่สุดในหอบ่นออกมายาวเหยียด ก็คิมอยากให้เด็กๆมันเคลียร์กันให้รู้เรื่องง่ะ ชีวิตคิมจะได้ปกติสุขซักที คิมบ่ซ่ำบายใจ

“ทำตามที่มินจุนฮยองบอกนั่นแหละชานซอง ถึงเฮียแกจะขี้บ่นมากไปหน่อย แต่ก็พูดเรื่องจริงนี่หว่า โอ้ย! มินจุนฮยอง ตีผมทำม๊ายยยยย”
แทคยอนถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเจอฝ่ามือพิฆาตเข้าให้
“หุบปากไปเถอะอ๊คแทคยอน ถ้านายไม่พูดก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ ฉันแค่จะเตือนน้องมันโว๊ย ฮ่วย เซ็งคัก เซ็งหลาย เซ็งเด้เซ็งงงงง”
มินจุนโวยวายก่อนจะเอามือฟาดแทคยอนอีกหลายรอบ

“อ๊ากกกกกกก ทำไมรุนแรงกับผมนักนะฮย๊องงงง ยอมแล๊ววววว”

คนแบบจุนโฮ จะต้องง้อยังไงล่ะ นี่ผมไม่ใช่คนผิดแต่ก็ต้องง้อสินะ ก็ได้ ง้อก็ง้อ…

ตัดสินใจได้แบบนั้น เด็กร่างยักษ์ก็เดินดุ่มไปยังห้องของคนตาเล็กที่อารมณ์ขี้แปรปรวน แม้ในใจจะถือทิฐิไม่อยากง้ออีกฝ่ายแค่ไหน ทว่าคำแนะนำของรุ่นพี่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็ไม่ควรมองข้าม

เขารู้ว่าจุนโฮเป็นคนเอาแต่ใจ ขี้เหวี่ยง แล้วก็ไม่มีเหตุผล แต่ก็ยังคบเป็นเพื่อนมาได้จนถึงทุกวันนี้ บางทีชานซองก็สงสัยตัวเองอยู่ไม่น้อยว่าทำไมถึงทนมาได้ตั้งนมนานหลายปี โดยที่อารมณ์ไม่เคยขาดผึงใส่จุนโฮจริงๆ จังๆ ไปสักที อย่างดีก็แค่โกรธกันนิดหน่อยแล้วก็ต้องเป็นฝ่ายไปง้อทุกที
ง้อไม่กี่ครั้งก็ไม่เท่าไหร่ แต่พักหลังมาก็ต้องตามง้ออยู่ตลอดจนชักคิดว่าจุนโฮเริ่มจะเคยตัว โกรธอย่างไม่มีเหตุผลก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังต้องให้ยอมให้อีกแค่ไหนถึงจะพอใจ?

เห้อ…

ชานซองถอนหายใจแรงขณะที่มือเคาะประตูห้องไปด้วย

“จุนโฮ” น้องเล็กของวงส่งเสียง จากเสียงปกติเป็นดังขึ้นเพื่อให้คนข้างในได้ยิน
“นี่ เปิดประตูหน่อย” ทั้งเคาะทั้งเรียก จนกระทั่งในที่สุด อีจุนโฮก็ยอมมาประประตูให้

“มีอะไร?” แม้จุนโฮจะมีดวงตาเรียวเล็กแค่ไหน ชานซองก็ยังรู้ว่าคนที่กำลังเผชิญหน้าเอาแต่มองเขาด้วยดวงตาขวางอย่างไม่สบอารมณ์
ล้มเลิกไม่ง้อเสียดีไหมเนี่ย?

“ถามจริงนะ นายเป็นไรเหรอ? จู่ๆ ก็หงุดหงิด”
ร่างสูงถามออกไปตรง ๆ แม้พี่มินจุนจะบอกให้เขาขอโทษให้เรื่องจบ ๆ ไปซะ ทว่าชานซองก็ยังอยากรู้เหตุผลอยู่ดี แม้จะทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่าอาจจะไม่ได้เหตุผลอะไรตอบกลับมา

“ใครหงุดหงิด? คิดไปเองรึเปล่า”
“……” ถูกยอกย้อนกลับมาแบบนี้ก็ไปต่อไม่ถูก

“ตกลงมีอะไรอีกมั้ย?”
“……”

“ถ้าไม่มีงั้นก็ถอยออกจากประตูห้องซะ! ฉันจะนอนแล้ว แล้วก็เลิกกวนซะที ไอ้งี่เง่า”
รู้สึกเหมือนสติขาดผึงที่เป็นฝ่ายถูกจุนโฮใส่อารมณ์อยู่ฝ่ายเดียว ทั้งที่ตั้งใจจะมาพูดดี ๆ ด้วยแท้ ๆ แต่ก็กลับถูกว่าถูกไล่เสียนี่

“ใครว่าไม่มีอะไร?”
ชานซองส่งเสียงอย่างไม่พอใจ ใบหน้าที่มักจะง่วงเหงาหาวนอนเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง อุ้งมือใหญ่พลางดันประตูห้องของจุนโฮไว้ก่อนที่จะถูกปิดใส่หน้า
มาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ฮวางชานซองยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ได้ยังไงกันล่ะ

“เอามือออกไปเลยฮวังชานซองงงงง”
มือเล็กพยายามดันประตูห้องให้ปิดลง หากแต่แรงอันมหาศาลของอีกฝ่ายกลับทำให้ประตูห้องเปิดออกอย่างแรง ก่อนที่ชานซองจะแทรกกายเข้ามาในห้อง ใช้เท้าถีบให้ประตูห้องปิดลงและล็อกห้องให้แน่นหนา จุนโฮเดินถอยหลังออกห่างชานซองไปเรื่อยๆ ดวงตาเล็กฉายแววหวาดหวั่น ก็จะไม่ให้หวั่นได้ยังไงก็แววตาของชานซองที่จดจ้องมามันไม่เหมือนเดิม

“เรามาเคลียร์กันหน่อยดีไหม อีจุนโฮ”
ร่างสูงเปิดปากพูดทลายความเงียบที่แสนอึดอัด

“ตกลงนายหงุดหงิดเรื่องอะไร ฉันทำอะไรไม่ดีหรือยังไง?”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้หงุดหงิด หูหนวกหรือไง?”
เขาไม่ยอมแพ้หรอก ไม่ยอมบอกหรอกว่าหงุดหงิดเรื่องอะไร ก็จะให้บอกได้ยังไงว่าเขาหึง หวง ชานซองมากแค่ไหนเวลาเข้าใกล้อูยอง จะให้บอกได้ยังไงว่าเขาเป็นอย่างนี้เพราะความรู้สึกที่เขามีให้ชานซองนั้นมากเกินกว่าเพื่อนคนหนึ่งเสียแล้ว

“นายรู้ไหม ความเป็นเพื่อนของเราที่มีมานานทำให้ฉันรู้ว่าคนอย่างอีจุนโฮโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย แววตาและสีหน้าของนายมันฟ้องนะ”
ชานซองยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของคนนั้นแสดงอาการออกมาเสียโจ่งแจ้ง

“ทีนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่านายหงุดหงิดฉันเรื่องอะไร บอกมาเถอะน่า ฉันยินดีจะปรับปรุงแก้ไข”
“ก็บอกว่าไม่ได้หงุดหงิดไงเล่า จะบีบคอฉันให้ตายฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่ได้หงุดหงิด”
จุนโฮพูดพลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด

“ออกไปซะ ชานซองฉันเหนื่อยฉันจะนอน”
“ให้ตายเถอะจุนโฮ นายจะไล่ฉันอีกกี่ครั้งกัน ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เคลียร์กับนายฉันจะไม่มีวันก้าวเท้าออกจากห้องนี้แน่ๆ”

“งั้นนายก็เชิญอยู่ในนี้ไปล่ะกัน ฉันจะไปนอนกับพี่มินจุน”
จุนโฮเดินชนไหล่ชานซองไปที่ประตู แต่ยังไม่ทันที่จุนโฮจะหมุนลูกบิด มือหนาก็กระฉากร่างเล็กกลับมาก่อนจะใช้แขนแกร่งโอบเอวบางไว้เสียจนแน่น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะชานซอง”
ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูง แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากอ้อมแขนนั้นได้เลย ให้ตายเถอะแมร่งเป็นคนป่ะว่ะเนี่ย

“รู้อะไรไหม ที่ฉันไม่เคยโมโหไม่ใช่ว่าฉันโมโหไม่เป็นหรือว่าฉันใจเย็นหรอกนะ แต่ถ้าฉันโมโหแล้วฉันมักจะขาดสติ มักจะทำอะไรแย่ๆลงไปโดยไม่รู้ตัว และตอนนี้นายกำลังยั่วโมโหฉันอยู่ด้วยการที่นายทำตัวเหมือนว่าฉันทำผิดอะไรร้ายแรงโดยที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด ถามจริงที่นายโกรธฉันเนี่ยเพราะอะไร”
จุนโฮก้มหน้างุดไม่สบตาชานซอง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าชานซองน่ะโมโหร้ายแค่ไหน แต่จะให้เขาตอบคำถามของชานซองยังไง จะตอบยังไงดี

“ตกลงนายเป็นอะไรกันแน่ จุนโฮ”
ชานซองก้มหน้าลงมาถามพอดีกับที่จุนโฮเงยหน้าขึ้นมาสบตาชานซอง ดวงตาเล็กจดจ้องดวงตาคม ก็ยังดี ก็ยังดีที่ในแววตาของชานซองตอนนี้มีเงาของเขาอยู่ในนั้นไม่ใช่เงาของอูยอง
“ให้ฉันลองเดาดีไหม เดาแบบไม่เข้าข้างตัวเองล่ะกัน ที่นายเป็นแบบนี้ เพราะนายชอบฉะ….”

“ฉันชอบพี่คุณ”
คำตอบของจุนโฮทำให้ดวงตาคมเบิกโพล่งด้วยความตกใจ ฝ่ายจุนโฮเองก็ตกใจเหมือนกันที่เขาเลือกที่จะตอบชานซองไปอย่างนั้น แรงกดดันจากชานซองทำให้จุนโฮต้องทำแบบนั้น แขนแกร่งปล่อยออกจากเอวบาง แต่ก็ยังไม่ละสายตาไม่จากร่างเล็ก

“นาย…ชอบพี่คุณงั้นเหรอ?”
ชานซองทวนคำตอบของจุนโฮอีกครั้ง คำตอบของจุนโฮทำให้ชานซองรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรหมุนๆวนๆอยู่ในหน้าอก จุกเสียดขึ้นมา คงเป็นเพราะ..กินข้าวไม่ตรงเวลาแน่ๆ

“ใช่ ฉันชอบพี่คุณ ชอบ..มานานแล้วด้วย”
ร่างเล็กเลือกที่จะปล่อยเลยตามเลย แต่เมื่อได้เห็นแววตาของชานซองที่จดจ้องมาที่เขาแล้ว ทำให้จุนโฮรู้สึกว่าตัวเองได้ทำพลาดไป ทำไมกันนะชานซองถึงได้มองเขาด้วยแววตาที่ผิดหวังในตัวเขาขนาดนั้น ทำไม..ชอบทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อย

“อ้อ ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมนายถึงต้องโมโหฉัน ทำไมไม่โมโหพี่คุณหรือคนอื่น”
“ก็เพราะนายเป็นเพื่อนซี้ฉันไง ฉันหงุดหงิดใส่นายได้คนเดียวโดยที่นายไม่โกรธ ขอโทษนะที่มันจะทำให้นายไม่พอใจฉัน ต่อจากนี้ฉันจะพยายามไม่เหวี่ยงใส่นายล่ะกันนะ จบนะ นายออกไปได้แล้วฉันง่วง”

จุนโฮดันร่างสูงที่ยืนมึนๆงงๆออกไปจากห้อง ก่อนจะปิดประตูไล่หลังด้วยความรวดเร็ว แผ่นหลังบางไถลไปตามประตูไม้สีขาวนั่งลงที่ที่พื้นปาดน้ำตาของตัวเองเบาๆ สะกดกลั้นก้อนสะอื้นไม่ให้เกิดเสียงให้คนที่ยืนอยู่ที่ฟากของประตูได้ยิน กี่ครั้งแล้วนะที่เขาต้องร้องไห้เพราะชานซอง กี่ครั้งแล้วที่ชานซองไม่เคยรับรู้

หรือว่าบางทีเขาควรจะตัดใจจากชานซองเสียที บางทีความเจ็บที่มีอยู่นี้อาจจะเบาบางลงก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาจุนโฮก็ไม่เคยตัดใจ
จากชานซองได้เลย ทำไมความรู้สึกนี้ถึงได้ฝังรากลึกเสียจนจะถอนจะดึงออกมาเลยไม่ได้ ไม่เคยเข้าใจเลยจริงๆ
เขาไม่เคยเข้าใจความรักเลยจริงๆ

—————————

“เป็นไรว่ะชาน ทำไมนิ่งจัง”
แทคยอนเอ่ยทักน้องชายตัวเองที่เอาแต่ยืนเหม่อ เจ้าของผิวสีแทนพึ่งเดินออกมาจากห้องครัวในมือมีกระป๋องเบียร์ทั้งสองข้างเพราะกะว่านั่งจิบเบียร์ดูหนังสบายๆซักหน่อย แต่มาเจอน้องชานหน้าหมียืนเอ๋ออยู่หน้าห้องจุนโฮซะก่อนเละทักออกไป และคำตอบที่ได้รับก็คือนิ่ง.. เงียบ..

เป็นอะไรของมันว่ะ..

“เห้ยไอ่ชาน ละเมอรึไง”
ยกเบียร์เย็นๆขึ้นแนบข้างแก้มจนชานซองสะดุ้ง สติไหลวนกลับเข้าร่าง หน้าหวานๆของจุนโฮเมื่อกี้กลายมาเป็นหน้าตาเข้มๆของแทคฮยองทันที

“เห้ยย..!! ตกใจหมด ทำไรเนี่ย”
“กูกำลังจะดูหนัง”
ยกพร็อบในมือขึ้นโชว์พลางยื่นให้เป็นการชักชวน ชานซองนิ่งไปซักพักแต่ก็ยอมรับมาแต่โดยดี ทั้งคู่พาร่างกายอันใหญ่โตไปนั่งบนโซฟากลางห้องนั่งเล่น แทคยอนจัดการเปิดแผ่นหนังที่ตัวเองพึ่งได้มา

“แทค”
“หืออ..”

“เคยรู้สึกแบบ..”

จู่ๆน้องชายตัวดีก็โพลงถามออกมาท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงงึมงับจากไตเติ้ลหนัง แสงทีวีส่องสว่างทำให้เห็นสีหน้าของชานซอง มักเน่ที่ปกติจะสดใสร่างเริงอยู่ตลอดเวลา เวลานี้กลับมีเพียงแววตาที่ยากจะคาดเดา แต่ก็ดูได้ไม่ยากว่าชานซองกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ

“แบบ..?”

“แบบ..ไม่รู้ว่ะ แปลกๆ..”
“ยังไงละ ลองอธิบายมา”

“มัน..เหมือนไม่ค่อยชอบใจ..ไม่ดิ มัน..โอ้ย ไม่รู้ว้ะ”
หมีตัวโตฮึดฮัดคิ้วขมวดกันเป็นปม เปิดกระบ๋องเบียร์ขึ้นกระดก ปล่อยให้รสชาติเฝือนๆไหลลงคอช้าๆโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ แทคยอนทำได้แค่มองเพราะชานซองเป็นอะไรเขาไม่ไม่สามารถเข้าใจได้ สายหน้าน้อยๆ ยกมือกระดกเบียร์ตามพลางหันไปสนใจหนังที่กำลังจะเริ่ม

“จุนโฮแม่ง..”
“หือ..?”

แต่ทว่าจดจ้องกับหน้าจอทีวีได้ไม่ถึงห้านาที เสียงบ่นงุบงิมเหมือนหมีขาวคำรามในลำคอก็ทำให้เขาต้องละสายตาออกจากหนังอีกครั้ง

“โดนพวกฮยองเอาแต่ใจจนเคยตัวละสิ..”
“บ่นไรว้ะชาน?”

“ช่างเถอะ”
“เป็นอะไรพวกแกสองคน ทะเลาะกันงุ้งงิ้งๆยังกะแฟน ชอบจุนโฮมันรึไง”

ฉึก..
แอลกอฮอลในปากแทบจะพุ่งย้อนออกมา พูดมาได้ไงว่าเขาชอบจุนโฮ เหอะ.. ไม่มีทาง ถ้าเป็นไอ่ก้นงอนนั้นก็ว่าไปอย่าง แต่เจ้าตัวชอบพี่คุณนี่..

“ผมไม่มีทางชอบรูมเมทตัวเองหรอกนะ ทุเรศ..”

แกร่ก..
เสียงเปิดประตูดึงความสนใจของพี่น้องร่างยักษ์ทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี จุนโฮเดินออกมาจากห้องเพราะบังเอิญลืมโน้ตบุ้คตัวเองเอาไว้แต่กลับได้ยินประโยคประโยคหนึ่งเข้าซะก่อน..

อ๋อ.. ชอบรูมเมทตัวเองมันทุเรศสินะ..

ดวงตาเรียวแดงก่ำเล็กน้อย ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น คนตัวเล็กสาวเท้าเอื่อยๆเดินผ่านหน้าชานซองโดยไม่หันไปมองก่อนจะหยิบโน้ตบุ้คของตัวเอง

“จุนโฮ เป็นอะไร ทำไมตาแดงๆ..”
แทคยอนทักขึ้นมาเพราะเห็นท่าทีแปลกๆ แถมยังเดินก้มหน้าก้มตาอีกต่างหาก

“เปล่าครับ ผมนอนก่อนนะแทคฮยอง”
“อ๋อ..อาๆ”
ฝืนยิ้มจางๆส่งไปให้ แต่แน่นอนว่าไม่ได้หันไปมองผู้ชายร่างหมีที่นั่งอยู่ด้วยกันซักนิด คนตัวเล็กหายเข้าไปในห้องอีกครั้ง ชานซองนั่งนิ่ง.. ในหัวมีเรื่องมากมายอยู่เต็มไปหมด ทำไมจุนโฮดูตาแดงๆ..

“แกสองคนทะเลาะอะไรกันรุนแรงรึป่าวเนี่ย..”
“ไม่นิครับ..”

จุนโฮแค่อกหักจากคุณฮยองแหละน่า..

เหอะ..
อ่อนหัด..

แค่นี้ถึงกับต้องร้องไห้เลยหรอ ชอบเขาก็บอกเขาไปสิว้ะ มาทำตัวอ่อนแอเหวี่ยงใส่ชาวบ้านไปเรื่อยแบบนี้ได้ยังไง คิดได้แบบนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แทคยอนชายตามองตามด้วยความแปลกใจ

ชานซองสาวเท้าไปหน้าห้องคนตัวเล็ก ออกแรงเคาะประตูเป็นรอบที่สองของวัน มือหนาลองบิดลูกบิดประตูดูและก็พบว่ามันไม่ได้ล็อค คงจะลืม..

“ชานซอง..! เข้ามาทำไมอีก..”
คนตัวโตไม่ได้สนใจว่าจุนโฮจะมีท่าทียังไง ปิดประตูห้องช้าๆพลางหันมายืนประจันหน้ากับร่างเล็ก

“ชอบพี่คุณก็บอกเขาไปสิ ไม่ใช่มานั่งร้องไห้แบบนี้ ไม่ต้องมาเหวี่ยงใส่ฉันด้วย”
“ก็บอกแล้วไงว่าคราวหลังฉันจะไม่เหวี่ยงใส่นายแล้ว ออกไป”

“ก็ไปบอกพี่คุณสิ พี่เขาจะได้รู้ นายจะได้ไม่ต่องมายุ่งกับฉันอีกไง”
“นายจะมาบังคับให้ฉันไปบอกพี่คุณไม่ได้นะ..”
จุนโฮเริ่มไม่สบอารมณ์ ยังจะไล่ให้เขาไปบอกชอบพี่คุณอีกเนี่ยนะ.. ใจร้ายชะมัด..

“ฉันบอกให้ไปก็ไปสิ”
และก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้ชานซองติดสินใจรั้งข้อมือบางเข้ามาก่อนจะลากไปที่ประตู

“อ้ะ..ปล่อยนะ! นายพาฉันไปไหน!”
“ไปบอกชอบพี่คุณไง..”

“บ้าหรอ! ไม่ไปนะ! ชานน!”
ดวงตาเรียวเบิกกว้างพยายามยื้อตัวเองไว้ แต่เพราะแรงที่น้อยนิดจะไปสู้กับหมีขาวตัวโตได้ยังไง

ทำไมต้องไล่ให้ไปบอกชอบพี่คุณด้วย จะยัดเยียดกันรึไง ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง อย่าร้องไห้นะจุนโฮ อย่างร้องตอนนี้…

ฮวางชานซอง ไอ่คนใจร้าย…

.
.
.
.

—————–
เอาละตอนแรกมาเสริฟแบบมึนๆ ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคเวียนนะคะ
เขียนกันหกคน @dbdqb @MmolradaA @ThaihottestA @Yochan_dayo @PaiPOPcoRn @Peachyhachi
พล็อตเรื่องก็แบ็กทูเบสิกจับบ่ายมาอยู่รวมกัน แต่ว่าเรื่องจะดำเนินไปยังไงนั้นไม่อาจรู้ได้
เพราะมันเป็นฟิคเวียน เป็นการเขียนที่ไรท์ทั้งหกไม่ได้คุยเรื่องพล็อตกันก่อน ใครอยากเขียนยังไงเขียนเลย 555

ปล. อยากให้รีดช่วยสลับเลย 1,2,3,4,5,6 ให้หน่อยได้ไหมค่ะเช่น
> 4,5,3,2,6,1 คือตัวเลขที่เป็นเลขประจำของไรท์(ไม่บอกว่าใครเลขอะไร 55)
คือจะเอามาเป็นการเรียงลำดับในการเขียนอะคะว่าใครจะได้เขียนก่อนเขียนหลัง 5555